tag:blogger.com,1999:blog-38936667083510603522023-11-16T21:19:42.120+07:00เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ฟรี!! 2023เรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น (Vocabulary and Grammar Level 1) คำศัพท์ และไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษJOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comBlogger98125tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-27395398665241221242023-06-10T13:23:00.001+07:002023-06-10T13:25:37.335+07:00อวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษ (Birthday Wishes) ปี 2023สำหรับหลายๆคนที่ต้องการอวยพรให้กับเพื่อนๆ คนรู้จัก คนสนิท หรือคนอื่นๆ ลองดูนะครับว่าถูกใจกันหรือเปล่า <span style="background-color: white; font-weight: bold;">อวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษ (Birthday Wishes) </span>สามารถนำไปอวยพรเนื่องในโอกาสอื่นๆได้ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับประเภทของการอวยพรกันก่อนนะครับ<br />
<ol>
<li><i>คำ อวยพร ที่เป็นกันเอง</i> สบายๆ ชิวๆ คือการอวยพรแบบง่ายๆ เป็นกันเอง เหมาะกับการ อวยพรเพื่อนสนิทหรือผู้ที่เราสนิทมากๆ เพื่อนสนิทของคุณเมื่อได้ยินคำอวยพรจากคุณแล้ว อาจกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว ข้อระวังคือ ใช้ได้กับเพื่อนสนิทเท่านั้นนะครับ</li>
<li><i>อวยพรวันเกิด (Birthday Wishes)แบบเน้นแสดงความดีใจ</i> คือแสดงความยินดีกับเจ้าของวันเกิด ซึ่งจะทำให้เจ้าของวันเกิดจดจำแบบไม่รู้ลืมเลยทีเดียวครับ</li>
<li><i>อวยพรแบบเน้นแนะนำ</i> หรือชี้แนวทางให้ โดยการชี้แนะ แต่ระวังนะครับ อย่านำไปใช้กับผู้ที่อายุมากกว่าเชียว</li>
</ol>
<div>จากการก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซี่ยนอย่างสมบูรณ์ ภาษาอังกฤษเป็นสึ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการสื่อสารกันระหว่างประเทศที่เป็นสมาชิกในอาเซียน การอวยพรก็เช่นเดียวกัน หากจะให้เพื่อนบ้านของเรารู้เรื่องว่าเราอวยพรอะไร หรือบอกอะไรแก่เขา ก็คงไม่พ้นต้องอวยพรเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม หากเรารู้ภาษาเกี่ยวกับการอวยพรของเพื่อนบ้านบ้างก็คงจะดีไม่น้อย เราลองมาดูกันครับ ว่าเพื่อนบ้านในอาเซี่ยนของเรา คำอวยพรของเขาพูดกันอย่างไร</div>
<div>
<br /></div>
<div>
<u>คำอวยพรวันเกิดของประเทศต่างๆในอาเซียน</u></div>
<div>
<ul>
<li>ภาษาพม่า = "มเว-เน่-ปยอ-ชวีน-บา-เซ"</li>
<li>ภาษาเวียดนาม = "จุ๊ก-ไหง่-ซิน-เหญิด"</li>
<li>ภาษาลาว = "สุกสันวันเกิด"</li>
<li>ภาษาอินโดนีเซีย = "เชอลามัตฮารี"</li>
<li>ภาษามาเลย์ = "เซอลามัต"</li>
<li>ภาษาเขมร = "โซมรีกเรีย"</li>
<li>ภาษาบรูไน = "เซอลามัต"</li>
</ul>
</div>
<div>
<br /></div>
พอรู้คร่าวๆแล้วว่าเราจะอวยพรอย่างไร มาดูตัวอย่างในการ อวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษ กันบ้างครับ<div><br /><span></span><span></span><div><div style="text-align: left;">"Wishing you a birthday that is out of this world! May your special day be filled with laughter, joy, and lots of crazy fun, just like our friendship. Keep shining brighter than the stars, my dear friend. Happy Birthday!"</div><div><div style="text-align: left;">"ขอให้วันเกิดของคุณเหนือกว่าโลก! ให้วันพิเศษของคุณ เต็มไปด้วยการหัวเราะ, ความสุข, และความสนุกสนานที่เหลือเชื่อ เหมือนกับความ bevvy ของเรา คุณยังคงส่องสว่างยิ่งกว่าดวงดาว, เพื่อนที่รักของฉัน สุขสันต์วันเกิด!"</div><span></span><div style="text-align: left;"><br /></div><div style="text-align: left;">"May you have an extraordinary birthday celebration! Just like the countless stars in the universe, may your life be filled with infinite moments of happiness. Your laughter is the best sound in the world, so keep laughing and enjoy your special day. Happy Birthday, my wonderful friend!"</div><div><div><br /></div><div>"ขอให้คุณมีการฉลองวันเกิดที่ยอดเยี่ยม! เหมือนดวงดาวนับไม่ถ้วนในจักรวาล, ขอให้ชีวิตของคุณเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่มีที่สิ้นสุด การหัวเราะของคุณเป็นเสียงที่ดีที่สุดในโลก, ดังนั้นต้องคงเรื่องตลกและสนุกสนานในวันพิเศษของคุณ สุขสันต์วันเกิด, เพื่อนที่น่าตื่นตาตื่นใจของฉัน!"</div></div><span></span><div><div style="text-align: left;"><br /></div><div style="text-align: left;">"Today is the day to celebrate you, my fantastic friend! May your birthday be as radiant as the sun, as fun as a roller coaster ride, and as beautiful as the universe. Keep reaching for the stars, and may all your dreams come true. Happy Birthday!"</div><div><br /></div><div>"วันนี้คือวันที่เราจะฉลองความสุขของคุณ, เพื่อนที่ยอดเยี่ยมของฉัน! ขอให้วันเกิดของคุณสดใสเหมือนพระอาทิตย์, สนุกเหมือนการขับรถไฟเหาะ, และสวยงามเหมือนจักรวาล คุณต้องคงตั้งเป้าหมายเพื่อดวงดาว, และขอให้ความฝันของคุณเป็นจริงทุกอย่าง สุขสันต์วันเกิด!"</div></div><div></div><span></span><div><div style="text-align: left;"><br /></div><div style="text-align: left;">"Happy Birthday to the most stellar friend in the universe! Just like a journey through the galaxy, I hope your life is always filled with awe-inspiring experiences and limitless adventures. You bring so much joy and light to our friendship, just like the moon and stars light up the night sky. Enjoy your special day to the fullest!"</div><div><br /></div><div>"สุขสันต์วันเกิดแก่เพื่อนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจักรวาล! เหมือนกับการเดินทางผ่านทางช่องว่างในดวงดาว, ฉันหวังว่าชีวิตของคุณจะเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ทำให้คุณเพื่อนตื่นตาตื่นใจและการผจญภัยที่ไม่มีขีดจำกัด คุณเพิ่มความสุขและแสงสว่างให้กับเราที่เป็นเพื่อน ดังเดียวกับพระจันทร์และดวงดาวที่ส่องสว่างบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน เพลิดเพลินกับวันพิเศษของคุณให้เต็มที่!"</div></div><span></span><div><div style="text-align: left;"><br /></div><div style="text-align: left;">"Birthday cheers to you, my amazing friend! May you continue to orbit around the sun of success and prosperity. Just like the twinkling stars, may your life always sparkle with happiness, love, and fun. You are a true star in the vast universe of our friendship. Have a fantastic birthday!"</div><div><br /></div><div>"ยินดีต้อนรับวันเกิดของคุณ, เพื่อนที่น่าทึ่งของฉัน! ขอให้คุณยังคงหมุนรอบ ๆ พระอาทิตย์ของความสำเร็จและความรุ่งเรือง เหมือนดวงดาวที่วิบวับ, ขอให้ชีวิตของคุณเสมอไปด้วยความสุข, ความรัก, และความสนุกสนาน คุณคือดวงดาวที่แท้จริงในจักรวาลกว้างใหญ่ของเราที่เป็นเพื่อน มีวันเกิดที่ยอดเยี่ยม!"</div></div><span></span><div><br /></div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div><div>
<div>
หาคำ อวยพรวันเกิด สำหรับเป็นของขวัญให้กับคนอื่นแล้ว อย่าลืมคิดคำ <em>อวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษ (</em><i>Birthday Wishes</i><em>)</em> ให้กับตัวเองด้วยนะครับ มีผู้มาอวยพรวันเกิดให้เรา ก็อย่าลืมกล่าวตอบแทนนะครับ ด้วยคำว่าขอบคุณครับ หรือขอบคุณค่ะ สุขสมหวังกับทุกสิ่งครับ <a href="https://plus.google.com/u/0/104950419787329490332?%20%20%20rel=author">Google</a><br />
<br /></div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
</div>
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post_05.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br /></div></div></div>JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com3จังหวัด ปทุมธานี ประเทศไทย14.0208391 100.5250275999999313.5280271 99.879580599999926 14.5136511 101.17047459999993tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-27667393041714213762023-06-10T13:03:00.000+07:002023-06-10T13:03:55.708+07:00วันมาฆบูชาภาษาอังกฤษ (Maghapuja Day)<div>Makha Bucha Day: A Significant Buddhist Festival</div><div><b>วันมาฆบูชา</b>: วันสำคัญของชาวพุทธ ซึ่งใน<i>ภาษาอังกฤษ</i>จะใช้คำว่า "Makha Bucha Day"</div><div><br /></div><div><b>Makha Bucha Day</b>, also known as Magha Puja, is one of the most significant observances in the Theravada Buddhist tradition. This public holiday in Thailand is celebrated annually on the full moon day of the third lunar month, which typically falls in February or March.</div><div><br /></div><div><u>วันมาฆบูชา</u> หรือมาฆปูชา เป็นหนึ่งในวันสำคัญในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวพุทธมหานิกาย ซึ่งเป็นวันหยุดราชการในประเทศไทย และเฉลิมฉลองทุกปีในวันพระจันทร์เต็มดวงของเดือนที่สาม ในปฏิทินจันทรคติ ซึ่งโดยทั่วไปจะตกในเดือน กุมภาพันธ์ หรือมีนาคม</div><div><br /></div><div>Makha Bucha commemorates two significant events in the life of Buddha that occurred 45 years apart, but on the same day. The first event, which happened soon after his enlightenment, was when 1,250 of his disciples spontaneously gathered to hear him preach. The second event was when Buddha predicted his own passing away (Parinibbana) three months ahead.</div><div><br /></div><div>วันมาฆบูชา เป็นการระลึกถึงสองเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธเจ้า ที่เกิดขึ้นห่างกัน 45 ปี และเกิดขึ้นในวันเดียวกัน อาทิเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นหลังจากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือเมื่อมีลูกศิษย์ 1,250 รูป มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย เพื่อฟังคำสั่งสอน และเหตุการณ์ที่สองคือ เมื่อพระพุทธเจ้าทำนายว่าพระองค์จะสวรรคต (ปรินิพพาน) ในอีกสามเดือนข้างหน้า</div><div><br /></div><div>On this day, Buddhists in Thailand and around the world undertake various meritorious activities. These include visiting temples for merit-making, giving alms, meditating, and participating in candlelight processions. Through these acts, devotees seek to purify their minds, cultivate virtue,and pay homage to the Buddha's teachings.</div><div><br /></div><div>ในวันนี้, ชาวไทยพุทธ และชาวพุทธทั่วโลก ได้ดำเนินกิจกรรม อาทิ การฏิบัติธรรม ซึ่งรวมถึงการเข้าวัดทำบุญ, การทำบุญบริจาค, การทำสมาธิ, และการเวียนเทียน เหล่านี้เป็นการสะท้อนถึงการที่ผู้ศรัทธา ประคองศีลธรรม และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ตลอดจนลำลึกถึง และนอบน้อมในคำสอนของพระพุทธเจ้า</div><div><br /></div><div>Another critical tradition of Makha Bucha Day is the 'Wien Thien' or candle procession. Participants light candles, incense, and flowers, and circumambulate the temple's main shrine three times. Each round symbolizes the Three Jewels or Triple Gem: The Buddha, The Dhamma (Buddha's teachings), and The Sangha (Buddhist community).</div><div><br /></div><div>ประเพณีสำคัญอีกหนึ่งอย่างในวันมาฆบูชา คือ<i> เวียนเทียน</i> ผู้เข้าร่วมจะจุดเทียน ธูป และดอกไม้ แล้วเดินวนรอบอุโบสถสามรอบ แต่ละรอบจะระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามประการ คือ พระรัตนตรัย อันประกอบด้วย พระพุทธ, พระธรรม (การสอนของพระพุทธ), และพระสังฆ์ (สาวกของพระพุทธ)</div><div><br /></div><div>Makha Bucha Day is a day of reflection, purification, and reaffirmation of commitment to the Buddha's teachings. It reinforces the importance of practicing mindfulness, generosity, and compassion in daily life, encapsulating the very essence of Buddhism.</div><div><br /></div><div>วันมาฆบูชาเป็นวันที่ทำให้ได้ฝึกทำจิตให้บริสุทธิ์ และมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกครั้ง ซึ่งเน้นความสำคัญของการปฏิบัติสมาธิ ความเอื้อเฟื้อ และความเมตตา สรุปได้ว่า นั่นคือสาระสำคัญของพุทธศาสนา</div><div><br /></div><div>Through centuries, Makha Bucha Day has remained a vibrant part of Thai culture, symbolizing the unity of Buddhists and their dedication towards the path of Enlightenment, as exemplified by Buddha. As the candlelight illuminates the temples on this day, it also lights the way for spiritual development and personal growth for each devotee, keeping the essence of Buddhism alive.</div><div><br /></div><div>ตลอดหลายศตวรรษ วันมาฆบูชายังคงเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไทย ซึ่งแสดงถึงความสามัคคีของชาวพุทธ และความอุตสาหะที่มุ่งหวังในการตรัสรู้ เหมือนที่พระพุทธเจ้าได้แสดงออกมา เมื่อไฟเทียนส่องสว่างในวันนี้ แล้วยังส่องสว่างทางสู่การพัฒนาทางจิตวิญญาณอีกด้วย ทำให้สาระสำคัญของพุทธศาสนายังคงอยู่</div><div><br /></div><div>While the celebrations may vary slightly from region to region, the core principle of acknowledging the Buddha's teachings and pledging to follow the path of righteousness and wisdom remains the same. Makha Bucha Day serves as a reminder of the potential for inner peace and happiness that can be achieved through mindful living, aligning with the fundamental teachings of Buddhism.</div><div><br /></div><div>แม้ว่าการฉลองจะมีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างภูมิภาค แต่หลักการที่สำคัญคือ การยอมรับการสอนของพระพุทธเจ้า และการสัญญาที่จะปฏิบัติตามทางของความชอบธรรม และความรู้สึก remains the same. วันมาฆบูชา เป็นการเตือนความจำของศักยภาพในการสงบสุข และความสุขที่สามารถสร้างสรรค์ได้ผ่านการมีชีวิตอยู่อย่างมีสติ ซึ่งประสานกับการสอนพื้นฐานของพุทธศาสนา</div><div><br /></div><div>In conclusion, Makha Bucha Day is a deeply spiritual and cultural occasion that reaffirms the values of Buddhism and its influence in shaping individual and societal conduct. It is a day where people can step back from their daily routines, reflect upon their actions and commit themselves to better follow the path of the Buddha for a more peaceful and harmonious life.</div><div><br /></div><div>วันมาฆบูชาเป็นโอกาสทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง ที่ยืนยันค่านิยมของพุทธศาสนาและอิทธิพลในการรูปร่างการกระทำของบุคคลและสังคม นี่คือวันที่ผู้คนสามารถหยุดพักจากงานประจำวัน ทบทวนการกระทำของตนเอง และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามทางของพระพุทธเจ้า เพื่อชีวิตที่มีความสงบสุขและสมดุลย์มากยิ่งขึ้น</div><div><br /></div><div>To both Thai people and Buddhists around the globe, Makha Bucha Day holds profound significance. It is not just a day of rituals and ceremonies but also a moment of introspection and spiritual renewal. The profound teachings of the Buddha are revisited, which guide individuals towards the attainment of Nirvana or ultimate liberation.</div><div><br /></div><div>สำหรับคนไทยและชาวพุทธทั่วโลก วันมาฆบูชามีความหมายที่ลึกซึ้ง มันไม่ใช่แค่วันของพิธีกรรมและงานเฉลิมฉลอง แต่ยังเป็นช่วงเวลาสำหรับการสำรวจตนเอง และการฟื้นฟูจิตวิญญาณ การสอนที่ลึกซึ้งของพระพุทธเจ้าถูกเยี่ยมชมอีกครั้ง ซึ่งแนะนำบุคคลให้สู่การบรรลุนิพพาน หรือการปลดปล่อยอย่างสุดท้าย</div><div><br /></div><div>Makha Bucha Day, hence, is not just a Buddhist holiday, but an embodiment of an enlightened way of life, promoting peace, compassion, and mindfulness. It is a tribute to the timeless wisdom of Buddha and a commitment to transforming oneself in line with this wisdom. The impact of this auspicious day extends far beyond its celebration, influencing the lives of millions across the globe.</div><div><br /></div><div>ดังนั้น, วันมาฆบูชาไม่ใช่เพียงแค่วันหยุดของชาวพุทธ แต่ยังเป็นการแสดงออกของวิถีชีวิตที่ตรัสรู้ โดยส่งเสริมสันติภาพ ความเมตตา และการมีสติ มันเป็นการถวายความยกย่องต่อความรู้แห่งนิรันดร์ของพระพุทธและความมุ่งมั่นที่จะแปลงแปลงตัวเองให้สอดคล้องกับความรู้นี้ ผลกระทบของวันสำคัญนี้ขยายไปไกลเกินกว่าการฉลอง โดยมีอิทธิพลต่อชีวิตของล้านล้านคนทั่วโลก</div><div><br /></div><div>การแปลอาจไม่สละสลวย แต่สามารถเข้าใจได้ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ สำหรับ<u>วันมาฆบูชาภาษาอังกฤษ</u> ที่ได้รวบรวม และแสดงความเห็นลงไป หากชื่นชอบหรือติชมประการใด แนะนำผู้เขียนโดยการคอมเม้นท์ด้านล่างได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ</div>
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2015/02/MaghaPujaDay.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-56586636809607002652016-05-31T05:29:00.000+07:002016-05-31T05:29:05.857+07:00จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ (English Job Letter)<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
ในการเขียน <b>จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ (English Job Letter) </b>เพื่อนๆหลายๆคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ยาก แต่จริงๆแล้วไม่ยากอย่างที่คิด เรามีตัวอย่างให้คุณได้ศึกษา หากนำไปใช้จริงก็เพียงปรับแต่งข้อความเพิ่มเติม หรือเพิ่มไอเดียของคุณเองลงไปเสริม ก็จะทำให้จดหมายนั้นดูน่าสนใจมากขึ้นเลยทีเดียว<br />
<br />
จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ (English Job Letter) หรือ<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post.html" target="_blank">ใบสมัครงานภาษาอังกฤษ</a> ประกอบด้วย ที่อยู่ของผู้เขียน, วันเดือนปี, เรียนคุณ, เนื้อหาของจดหมาย, คำลงท้าย, ลงชื่อผู้เขียน และสุดท้ายคือเอกสารแนบ เราลองตัวอย่างกันเลยครับว่าเขียนกันอย่างไร<br />
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<b>99/9 Petkasem 10 </b></div>
<div style="text-align: center;">
<b>Bangkok 10240 </b></div>
<div style="text-align: center;">
<b>May 14,2014</b></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-weight: bold;"></span><br />
<span style="font-weight: bold;"></span></div>
<div style="text-align: center;">
<b>Personnel Manager</b></div>
<div style="text-align: center;">
<b>Genius Times Co.,Ltd. </b></div>
<div style="text-align: center;">
<b>165 Rama 4 Rd. </b></div>
<div style="text-align: center;">
<b>Klongtuey, Bangkok 10100 </b></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: left;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPFn9m1lIMhxuMVwK8pUPnKxKoP8J4XeGNVJ5PpRcN0ZyHeKfYcReB0ARxT0YpFLEnY_hDNm-npQsm7PNx21BnsIODZMm8Y_-cKiSMk2oVf1vj8WonQJv_E2sLpalWxfFVifn_I2shg56C/s1600/%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ" border="0" height="209" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPFn9m1lIMhxuMVwK8pUPnKxKoP8J4XeGNVJ5PpRcN0ZyHeKfYcReB0ARxT0YpFLEnY_hDNm-npQsm7PNx21BnsIODZMm8Y_-cKiSMk2oVf1vj8WonQJv_E2sLpalWxfFVifn_I2shg56C/s1600/%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" title="จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ ไม่ยากอย่างที่คิด ภาพจาก : th.jobsdb.com </td></tr>
</tbody></table>
<span style="font-weight: bold;"></span><br />
<span style="font-weight: bold;"></span></div>
<div style="text-align: left;">
<b>Dear Sir / Madam,</b></div>
<br />
<b>Your advertisement in Bangkok Post of May 14, 2016 for the position of Assistant Brand Manager has attracted my attention because I think that my qualifications will fulfill your requirements. </b><br />
<br />
การประกาศในหนังสือพิมพ์บางกอกโพส ฉบับวันที่ 14 พฤษภาคม 2016 ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย ได้สร้างความสนใจแก่ผมเป็นอย่างมาก ผมคิดว่าคุณสมบัติของผมสามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้<br />
<br />
<b>I hold a Bachelor’s degree in Business Administration of ABC University. While studying at the University, I had a part-time job as a store clerk for Central Department store. My English and Thai typing speed are 40 words and 50 words a minute respectively. </b><br />
<br />
ผมจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัย เอบีซี ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ ผมได้ทำงานนอกเวลาโดยทำหน้าที่เสมียนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ความเร็วในการพิมพ์ภาษาอังกฤษและภาษาไทยของผมอยู่ที่ 40 และ 50 คำ ตามลำดับ<br />
<br />
<b>Dr. Udom Rukthai, Professor of Business Administration in ABC University, has permitted me to use his name as a reference. Enclosed you will find my detailed Resume, transcript, and two recent photographs. </b><br />
<br />
ดร. อุดม ลือไทย ศาสตราจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ อนุญาตให้ผมใช้ชื่อท่านเป็นบุคคลอ้างอิง พร้อมกับแนบ<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/06/blog-post_14.html" target="_blank">ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ</a> (หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/02/resume.html" target="_blank">Resume ภาษาอังกฤษ</a>) หลักฐานการศึกษา พร้อมด้วยรูปถ่าย 2 รูป<br />
<br />
<b>I shall be able to call for an interview at your convenience and shall be glad to give you any further information that you may require. If you wish to telephone me, my number is 02-xxxxxxx. </b><br />
<br />
ผมพร้อมให้สัมภาษณ์ทุกเมื่อที่คุณสะดวก และยินดีที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมหากคุณต้องการ ที่หมายเลข 02-xxxxxxx<br />
<br />
<b>Yours faithfully </b><br />
<b><br /></b>
<b>(Mr / Miss ...............................) </b><br />
<br />
เห็นแล้วใช่หรือไม่ครับว่ามันไม่ยากอย่างที่คิดเลย สามารถนำตัวอย่าง <i>จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ (English Job Letter) </i>นี้ไปดัดแปลง และต่อยอดใช้งานได้เลย จะเห็นว่าอาจแตกต่างกับ<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/07/English-Introduction.html" target="_blank">การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ</a> อยู่บ้างตรงที่จดหมายสมัครงานจะเป็นทางการมากกว่าครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการสมัครงานนะครับ
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post_27.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0ประเทศไทย15.870032 100.9925410000000715.870032 100.99254100000007 15.870032 100.99254100000007tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-37636015217851064892015-05-03T20:59:00.000+07:002015-05-03T20:59:23.148+07:00เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ (Learn English Online)สำหรับผู้ที่กำลังหาที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ หากไม่ถูกใจ หรือเสียเวลาไปลอง <span style="font-weight: bold;">เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์</span> (Learn English Online) ดูสิครับ อาจจะเป็นคำตอบให้กับคุณในเรื่องของการเรียนภาษาได้ อีกทั้งยังประหยัดเรื่องของค่าเดินทางอีกด้วย วันนี้ผมจะยกตัวอย่างอยู่ที่นึงครับ ซึ่งน่าสนใจมากเลยทีเดียว<br />
<br />
<table cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="float: left; margin-right: 1em; text-align: left;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2B1TDkwB4wXb3D4RJnXjNq4Ytux0Oojkb1COAz6oeKccbr5LzoS1Avz2_MO16M7bg3rjP9ETHClzEzE79YlqrnETZ3o0DnVSrdV9cKz7a8wzk56VXdpUDduwwQkV181eMbrM8sSeHHYXm/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2B1TDkwB4wXb3D4RJnXjNq4Ytux0Oojkb1COAz6oeKccbr5LzoS1Avz2_MO16M7bg3rjP9ETHClzEzE79YlqrnETZ3o0DnVSrdV9cKz7a8wzk56VXdpUDduwwQkV181eMbrM8sSeHHYXm/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C.jpg" height="132" title="เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์" width="200" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ภาพจาก : ensogo.com</td></tr>
</tbody></table>
ที่ๆผมอยากจะแนะนำนี้มีชื่อว่า อิงลิซออนไลน์ (http://www.languageonline.in.th) เป็นสถาบันที่เปิดสอนผ่านออนไลน์ครับ โดยเน้นให้ศึกษาด้วยตนเองแบบอีเลินนิ่ง เน้นเรื่องของการสื่อสารและฝึกฝน ผู้เรียนสามารถมีประสบการณ์กับโปรแกรมในเรื่องของการพูดและการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ <br />
<br />
การเรียนของเขาจะแบ่งออกเป็น 3 แพ็กเกจครับคือ แบบ E-Learning, แบบ E-Tutoring Package และแบบ E-Coaching Package ซึ่งแต่ละแบบก็คิดค่าบริการเท่ากันนะครับ รายละเอียดสามารถศึกษาได้จากตัวเว็บนะครับ<br />
<br />
การชำระค่าเรียนเขาจะคิดแบ่งเป็นรายเดือนนะครับ คือ 3 เดือน 6,000 บาท 6 เดือน 9,000 บาท และ 12 เดือน คิดที่ 12,000 บาทครับ การชำระก็สามารถชำระได้ 3 ทางคือ โอนผ่านธนาคาร ชำระด้วยเงินสด และชำระด้วยเช็ค<br />
<br />
คำถามที่ถามกันมากที่สุดคือ จะเริ่มต้นเรียนกับที่นี่อย่างไร คำตอบคือ ต้องเริ่มต้นทำแบบทดสอบก่อนครับ เราจะได้รู้ว่าระดับของภาษาของเราอยู่ในระดับไหน หลังจากนั้นเราถึงจะไปเลือกเรียนตามที่เราต้องการ เช่น หากเราก็การเน้นในเรื่องของการพูดและการฟัง เราก็เลือกกิจกรรมที่เรียนให้สอดคล้องกันครับ หรือหากเราต้องการเน้นในเรื่องของธุรกิจ เราก็เลือกเรียนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นๆ<br />
<br />
คงถูกใจกันไม่มากก็น้อยนะครับสำหรับคนที่จะ <i>เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์</i> ที่นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่แนะนำให้ หากคุณพบเจอที่อื่นที่น่าเรียนก็สามารถเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจได้ครับ ของให้ประสบความสำเร็จในเรื่องของการเรียนนะครับJOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-7720425621980834972015-04-07T22:28:00.000+07:002015-04-09T04:51:49.954+07:00เครื่องใช้สํานักงานภาษาอังกฤษ (Office equipment)ตามสำนักงานโดยทั่วไปมักมีอุปกรณ์ต่างๆให้ใช้มากมาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า <b>เครื่องใช้สํานักงานภาษาอังกฤษ (Office equipment) </b>ก็จำเป็นที่จะต้องเรียก บางอย่างเขาไม่เรียกเป็นภาษาไทยครับ เรามาดูกันว่าอุปกรณ์แต่ละชิ้นเรียกอย่างไรบ้างที่เป็นภาษาอังกฤษ<br />
<br />
<b>สิ่งแรกที่ต้องเจอในสำนักงาน</b><br />
<ul>
<li>ตู้ยาม = sentry box </li>
<li>ที่จอดรถ = car park</li>
<li>รถยนต์ = automobile</li>
<li>ทางโค้ง = curve</li>
<li>ทางแยก = crossroad</li>
<li>ทางเดิน = footpath</li>
<li>ทางเข้า = entrance </li>
<li>ทางเข้าออก = doorway</li>
<li>ประชาสัมพันธ์ = public relations</li>
<li>ติดต่อสอบถาม = information</li>
<li>ติดต่อสื่อสาร = communicate</li>
</ul>
<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGMMOPM0Gz70HKa5F_qT91rUkGE5M1idUHckXZfPYYcSgo215dqfvmj5auMLimWzGgeZQdV-6rMDgFI_Mn8xuEuEPb6o7Pa_VapkNijiCkEbkMYGBh92-0ZzNFnGlS7SjNTkPswDv5vLWX/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="เครื่องใช้สำนักงานภาษาอังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGMMOPM0Gz70HKa5F_qT91rUkGE5M1idUHckXZfPYYcSgo215dqfvmj5auMLimWzGgeZQdV-6rMDgFI_Mn8xuEuEPb6o7Pa_VapkNijiCkEbkMYGBh92-0ZzNFnGlS7SjNTkPswDv5vLWX/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" height="256" title="เครื่องใช้สำนักงานภาษาอังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><b>อุปกรณ์สำนักงานภาษาอังกฤษ</b> มีชื่อและเรียกกันอย่างไร</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<b>ห้องต่างๆในสำนักงาน</b><br />
<ul>
<li>ห้องอาหาร = dining room</li>
<li>ห้องโถง = hall</li>
<li>ห้องน้ำ = bathroom</li>
<li>ห้องเก็บของ = store room</li>
<li>ห้องนั่งเล่น = living room </li>
<li>ห้องทำงาน = a studio </li>
<li>ห้องประชุม = conference room</li>
<li>ห้องสมุด = library</li>
<li>ห้องรับแขก = drawing room</li>
<li>ห้องส้วม = lavatory</li>
</ul>
<br />
<b>เครื่องใช้สำนักงานในห้อง</b><br />
<ul>
<li>ตู้โชว์ = showcase</li>
<li>โต๊ะบูชา = altar </li>
<li>โต๊ะประชุม = conference table</li>
<li>โต๊ะทำงาน = office desk</li>
<li>เก้าอี้ = chair</li>
<li>เก้าอี้หมุน = revolving chair </li>
<li>เก้าอี้นวม = Armchair</li>
<li>ตู้ = cabinet </li>
<li>ตู้เก็บเอกสาร = file cabinet</li>
<li>ตู้หนังสือ = bookcase</li>
<li>ตู้นิรภัย = safe</li>
<li>ไม้ถูพื้น = swab</li>
<li>ไม้กวาด = broom</li>
<li>ถังขยะ = litter bin</li>
</ul>
<br />
<b>ตู้เก็บเครื่องใช้สำนักงาน</b><br />
<ul>
<li>เครื่องเขียน = stationery</li>
<li>เครื่องใช้สำนักงาน = office Equipment </li>
<li>ที่ตัดกระดาษ = paper Cutter</li>
<li>เครื่องเย็บกระดาษ = stapler</li>
<li>ที่เจาะรูกระดาษ = punch</li>
<li>แฟ้มแขวน = suspension file</li>
<li>แฟ้มเอกสาร = document file</li>
<li>กระดาษกาว = masking tape</li>
<li>กรรไกร = scissors</li>
<li>ปากคีบ = pincers</li>
<li>กระดาษชำระ = toilet paper</li>
<li>กระดาษปอนด์ = fine printing paper</li>
<li>กระดาษหนังสือพิมพ์ = newsprint</li>
<li>กระดาษเขียนแบบ = drawing board</li>
<li>ซองจดหมาย = envelope</li>
</ul>
<br />
<b>ห้องอาหารในสำนักงาน</b><br />
<ul>
<li>โต๊ะรับประทานอาหาร = dining table</li>
<li>ตู้เย็น = refrigerator</li>
<li>ตู้ถ้วยชาม = cupboard</li>
</ul>
<br />
<b>เครื่องใช้สำนักงานที่เป็นอิเล็กทรอนิค</b><br />
<ul>
<li>เครื่องถ่ายเอกสาร = photocopier </li>
<li>อุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้า = electric Generator</li>
<li>เครื่องปรับอากาศ = air-conditioner </li>
<li>อุปกรณ์เครื่องครัว = kitchen Utensils</li>
<li>เครื่องซักผ้า = a washing Machine</li>
<li>โทรทัศน์ = television</li>
<li>พัดลม = electric fan</li>
<li>โทรศัพท์= telephone</li>
<li>โทรศัพท์ภายใน = intercom</li>
<li>โทรสาร = fax</li>
</ul>
<br />
<b>เครื่องใช้สำนักงานบนโต๊ะ</b><br />
<ul>
<li>คอมพิวเตอร์ = computer</li>
<li>พิมพ์ดีด = typewrite</li>
<li>เครื่องคิดเลข = adding machine computer</li>
<li>ปากกา = pen</li>
<li>ปากกาแสง = light pen</li>
<li>ดินสอ = pencil</li>
<li>ปากกาลูกลื่น = ball-point pen</li>
<li>ปากาหมึกซึม = fountain pen</li>
<li>ไม้บรรทัด = ruler</li>
<li>กระดาษ = paper</li>
<li>กระดาษสี = colored paper</li>
<li>ตรายาง = rubber</li>
<li>คลิปหนีบกระดาษ = stamp paper clip</li>
<li>กบเหลาดินสอ = sharpener </li>
<li>กระดาษเขียนจดหมาย = writing paper</li>
</ul>
<br />
<b>คำศัพท์ทั่วไปที่ใช้ในสำนักงาน</b><br />
<ul>
<li>ทำความเข้าใจ = try to understand</li>
<li>ทำความสะอาด = clean</li>
<li>ทำสำเนา = duplicate</li>
<li>ทำหนังสือ = make a book </li>
<li>ทำหน้าที่แทน = represent</li>
<li>ติดป้าย = label </li>
<li>ติดตามผลงาน = follow up</li>
<li>ติดธง = be on the board decorate with flags</li>
<li>ติดประกาศ = post a notice</li>
<li>ติดตาม = pay attention </li>
<li>ตีทะเบียน = register</li>
<li>การเงิน, การบัญชี = finance</li>
<li>การจัดประเภท = categorization </li>
<li>การจำแนก = classification</li>
<li>การตอบรับ = acceptance </li>
<li>ลายมือชื่อ = signature</li>
<li>ลายลักษณ์อักษร = black and white</li>
<li>การจดบันทึก = taking notes</li>
<li>การจัดเตรียม = preparation</li>
<li>การตักเตือน = warning</li>
<li>การชะลอการซื้อขาย = delay trading</li>
<li>การซ่อมแซม = repair</li>
</ul>
<br />
คงได้ความรู้กันเยอะเลยนะครับสำหรับ <i>เครื่องใช้สำนักงานภาษาอังกฤษ (Office equipment)</i> อันที่จริงแล้วคำศัพท์เกี่ยวกับหมวดนี้มีค่อนข้างเยอะมากๆ แต่ตัดมาให้ได้ศึกษากันบางส่วน แค่นี้ก็ท่องกันจนเมื่อยแล้วครับ
<br /><br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post_10.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div><br />
JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.4762319000000213.229814600000001 99.830784900000012 14.2170226 101.12167890000002tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-61542771383203708692015-04-07T22:24:00.000+07:002015-04-09T04:59:44.727+07:00คําอวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ (Happy New Year Wishes)ใกล้จะปีใหม่กันอีกแล้วนะครับ คิดคำอวยพรดีๆได้หรือยังลองดู <b>คำอวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ (Happy New Year Wishes) </b>ดูบ้างคงถูกใจคนได้รับแน่ๆ ที่สำคัญอึ้งไปเลยหากคุณพูดประโยคเหล่านี้กับเขา ลองเลือกดูนะครับ<br />
<br />
สถานที่ท่องเที่ยวในวันปีใหม่ก็สำคัญนะครับ หาคำอวยพรดีๆที่บ่งบอกถึงสถานที่ๆคุณจะพาครอบครับของคุณไป คงปลื้มใจไม่น้อยเลยทีเดียว หรือไม่ก็อวยพรแบบเป็นทางการแก่ญาติผู้ใหญ่ คงจะปลื้มใจได้ไม่น้อยเช่นกันครับ<br />
<br />
<b>May 31st December be the end of your sorrows and 1st January 2016 be the beginning of your joys. Happy New year 2559.</b> ความโศกเศร้าทั้งปวงจงผ่านพ้นไปใน 31 ธันวานี้ และขอให้จุดเริ่มต้นของความสุขทั้งหลาย จงเกิดขึ้นวันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป สวัสดีปีใหม่ 2559 ครับ<br />
<br />
<b>Wishing you happiness and prosperity in this New Year. Enjoy each day.</b> ในปีใหม่นี้ ขอให้พบกับความสำเร็จและความสุขนะคะ ขอให้ทุกๆวันมีแต่เรื่องสนุกนะ<br />
<br />
<b>May the New Year 2016 be as fresh as morning dew, as vibrant as the colors of a butterfly and as blissful as the angels from heaven.</b> ขอให้ปี 2016 นี้ สดชื่นเหมือนกับน้ำค้างตอนเช้า มีชีวิตชีวาเหมือนสีสันบนปีกผีเสื้อ และสงบสุขเหมือนนางฟ้าจากสวรรค์<br />
<br />
<b>May 2016 be the year when all your dreams come true, all your hard work reaps great results and rewards. Happy New Year.</b> ขอให้ปี 2016 เป็นปีที่ความฝันทุกอย่างกลายเป็นความจริง<br />
ได้รับรางวัลและผลตอบแทนที่ดีจากการทำงานหนัก สวัสดีปีใหม่<br />
<br />
<b>Wish this New Year brings to you newly found happiness, prosperity, joy and everything else you want. Has a wonderful Year ahead to spend.</b> ขอให้ปีใหม่นำความสุขใหม่ ๆ ความสำเร็จ ความเบิกบาน และทุกอย่างที่คุณอยากได้มาให้คุณ ขอให้ปีใหม่เป็นปีที่วิเศษ<br />
<br />
<b>May your new year be decorated with sweet memories, wonderful days and memorable nights. Happy New Year.</b> ขอให้ปีใหม่เป็นปีที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่หวานชื่น มีวันดี ๆ และค่ำคืนที่น่าจดจำ สวัสดีปีใหม่<br />
<b><br /></b>
<b>May this year brings all the desired success and happiness in your life. Wish you a successful and prosperous 2016.</b> ขอให้ปีใหม่นำพาความสำเร็จและความสุขที่คุณปรารถนาในชีวิต ขอให้คุณประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองในปี 2016<br />
<br />
<b>May this year be the one in which all your wishes come true and all your fears may fade away. Happy new year!</b> ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ความปรารถนาของคุณเป็นความจริง และขอให้ความกลัวทุกอย่างค่อย ๆ เลือนหายไป สวัสดีปีใหม่<br />
<br />
<b>A new year is the best time to make fresh new beginnings as you begin a new chapter of your life to fill up the pages with beautiful verses.</b> ปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นใหม่ ที่คุณจะเริ่มบันทึกบทใหม่ให้กับชีวิตด้วยถ้อยคำที่งดงาม<br />
<br />
<b>Discover new joys, embark on new journeys and give more meaning to your life in 2016. Happy New Year.</b> ค้นหาความสุขใหม่ ๆ ลองเดินทางในเส้นทางใหม่ และให้ความหมายของคำว่าชีวิตใหม่ในปี 2016 สุขสันต์วันปีใหม่<br />
<br />
<b>May the New Year fill up days with all things that are nice and bright. Here is wishing you a lovely 2016.</b> ขอให้ปีใหม่เต็มไปด้วยสิ่งดี ๆ และสดใสทุกวัน ขอให้ปี 2016 เป็นปีที่ดีสำหรับคุณ<br />
<br />
<b>May this year bring new happiness, new goals, new achievements and a lot of new inspiration in your life. Wishing you a year fully loaded with happiness.</b> ขอให้ปีใหม่พาความสุขใหม่ ๆ, เป้าหมายใหม่ ๆ, ความสำเร็จครั้งใหม่, และแรงบันดาลใจใหม่ ๆ มาสู่ชีวิต ขอให้เป็นปีที่เต็มไปด้วยความสุข<br />
<br />
<b>May this new year wash away all the bad deed and memories of the past year and bring a new beginning in your life. Wishing you and your family a happy new year.</b> ขอให้ปีใหม่ชะล้างความทรงจำและเรื่องเลวร้ายในปีที่ผ่านไป แล้วนำพาการเริ่มต้นใหม่มาสู่ชีวิต ขอให้คุณและครอบครัวมีความสุขตลอดปีใหม่นี้<br />
<br />
<b>Celebrate this year with new hope, new resolutions and new creativity. Try to find the new way to live the life. Wish you happy New Year from the bottom of my heart. </b>ฉลองปีใหม่ด้วยความหวังใหม่ ความตั้งใจใหม่ และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ลองหาหนทางในการใช้ชีวิตแบบใหม่ ขอให้มีความสุขตลอดปีใหม่ จากส่วนลึกของหัวใจ<br />
<br />
<b>May this new year bring wisdom and honesty among our politicians. May this new year bring happiness and content among people.</b> ขอให้ปีใหม่นำพาปัญญาและความซื่อสัตย์ให้เกิดขึ้นในหมู่นักการเมือง ขอให้ปีใหม่นำพาความสุขและความพอใจมาให้พวกเราทุกคน<br />
<br />
<b>Wishing you good times, good health, good cheer, and a very Happy New Year.</b> ขออวยพรให้คุณมีช่วงเวลาที่ดี, สุขภาพที่ดี, กำลังใจที่ดี และมีความสุขมากๆในวันปีใหม่<br />
<br />
<b>Greetings of the New Year. Wishing you all success in the next.</b> สวัสดีปีใหม่ขออวยพรให้ท่านจงประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่งในปีใหม่นี้<br />
<br />
<b>Wishing you a very Happy New Year.</b> ขออวยพรให้คุณมีความสุขมากๆในวันปีใหม่<br />
<br />
<b>A toast to the New Year. May all your resolutions become completed projects. </b>ดื่มอวยพรฉลองปีใหม่ ขออวยพรให้สิ่งที่ท่านตั้งใจไว้จงสมหวัง<br />
<br />
<b>May this year bring inspiration and happiness to you and your family. </b>ขอให้ปีนี้นำแรงบันดาลใจและความสุขมาให้กับคุณและครอบครัวของคุณ<br />
<br />
<b>Greetings of the New Year. Wishing you all success in the next. </b>สวัสดีปีใหม่ขออวยพรให้ท่านจงประสบความสำเร็จในทุกๆ สิ่งในปีใหม่นี้<br />
<br />
<b>A toast to the New Year. May all your resolutions become completed projects.</b> ดื่มอวยพรฉลองปีใหม่ ขออวยพรให้สิ่งที่ท่านตั้งใจไว้จงสมหวัง<br />
<br />
<b>Happy New Year! Thinking of you as we begin anew.</b> สวัสดีปีใหม่คิดถึงคุณในปีใหม่นี้<br />
<br />
<b>We wish you a holiday season that is filled with wonder and delight!</b> เราขออวยพรให้เทศกาลวันหยุดของคุณเติมเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความเบิกบานใจ<br />
<br />
<b>A hope for one world family. From ours to yours.</b> ปรารถนาให้โลกมีสันติ สำหรับครอบครัวคุณ …จากเรา<br />
<br />
<b>One of my favorite gifts hears from you. Greetings of the season to you and yours.</b> ของขวัญลํ้าค่าคือการทราบข่าวคราวจากคุณเทศกาลแห่งอวยพรนี้จงเป็นของคุณและครอบครัว<br />
<br />
<b>Season’s greetings. Our best to you during the holidays.</b> เทศกาลส่งความสุขนี้ขอส่งความปรารถนาดีจากเราถึงคุณ<br />
<br />
<b>Happy holidays! Wishing you all the joys of the season. Happy holidays!</b> ขออวยพรให้คุณมีความปีติยินดีตลอดทั้งปี<br />
<br />
<b>HAPPY HOLIDAYS! Have a joyous Christmas and a festive New Year! Happy holidays!</b> ขอให้มีความปีติยินดีในวันคริสต์มาสและรื่นเริงในวันปีใหม่<br />
<br />
จะเห็นว่าเยอะแยะมากมาเลยนะครับสำหรับ <u>คำอวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ (Happy New Year Wishes) </u>ส่วนใหญ่แล้วความหมายจะออกแนวอเมริกัน ในปีใหม่ปีนี้ขอให้ทุกท่านมีความุขมากๆครับ สุขสันต์วันปีใหม่ครับ
<br /><br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2010/12/blog-post_5438.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div><br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-36656264120530146132015-04-05T12:03:00.000+07:002015-04-05T13:18:26.108+07:00คำอวยพรวันพ่อภาษาอังกฤษ (Father's Day Wishes)สำหรับวันพ่อที่จะมาถึงในเดือนธันวาคม 2015 นี้ พิเศษคือ เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 88 พรรษา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เรามี <b>คําอวยพรวันพ่อภาษาอังกฤษ (Father's Day Wishes)</b> แบบที่พ่อใครได้รับต้องปลื้มลูกคนโปรดอย่างคุณแบบสุดๆเลยหล่ะ มาดูกันเลยครับ<br />
<b><br /></b><b>You are more than a great Dad. You are an inspiration, a teacher and a friend. Happy father's day.</b>พ่อเป็นมากกว่าพ่อ พ่อคือแรงบันดาลใจของผม เป็นทั้งครู เป็นทั้งเพื่อน สุขสันต์วันพ่อครับ<br />
<b><br /></b><b>Happy father's day. I'm lucky that I love my father with all of my heart. I'm really lucky to have a father that loves me with all of his heart. </b>สุขสันต์วันพ่อนะครับ ผมรักพ่อสุดหัวใจ ผมโชคดีเหลือเกินที่พ่อรักผมสุดหัวใจเช่นกันนะครับ<br />
<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFE-nmKw3mR9WbsaJOQ1kkdiAbLeoudVm1-JxkBC-BsdZUYkT2H-kQqvSfkmfbhZW4UEx2QyaMtG50jOimfIWW0xZsjzwFk9ffdEkjAzl2XTZXNVmgkt4ibvvx-eDVXmyNZCVZ4uqBPsJ0/s1600/HappyFathersDay.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="คำอวยพรวันพ่อภาษาอังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFE-nmKw3mR9WbsaJOQ1kkdiAbLeoudVm1-JxkBC-BsdZUYkT2H-kQqvSfkmfbhZW4UEx2QyaMtG50jOimfIWW0xZsjzwFk9ffdEkjAzl2XTZXNVmgkt4ibvvx-eDVXmyNZCVZ4uqBPsJ0/s1600/HappyFathersDay.jpg" height="256" title="คำอวยพรวันพ่อภาษาอังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="font-size: 13px;"><b>คำอวยพรวันพ่อภาษาอังกฤษ</b> บอกรักและบอกความรู้สึกดีๆที่มีต่อพ่อ</td></tr>
</tbody></table>
<b>Happy father's day. Love and laughter are two of the things that you have given me that make life more fun. Thanks. </b><b>Happy father's day.</b>สุขสันต์วันพ่อครับ ความรักและเสียงหัวเราะของพ่อ คือสองสิ่งที่ทำให้ชีวิตของผมมีความสุข ขอบคุณมากนะครับ<br />
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>Thanks for showing me how the world works. I may need a few more tips though. Happy father's day. </b>ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่าโลกใบนี้เป็นอย่างไร ผมอาจต้องใช้เคล็ดลัพท์นี้เพื่อผ่านมันไป สุขสันต์วันพ่อครับ</div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>Happy father's day. Thanks for making me rich. Not with <span class="GINGER_SOFTWARE_mark" ginger_software_uiphraseguid="832f8c86-a609-49df-a58e-60c71d59078c" id="7f489141-1751-46cb-900e-186fbee23ace">money, but</span> with love, caring and a happy family. </b>สุขสันต์วันพ่อนะครับ ขอบคุณที่ทำให้ผมรวย 555 ไม่ใช่ด้วยเงิน แต่เป็นความรัก ความห่วงใย และทำให้ครอบครัวมีความสุข<br />
<br />
<b>Loving wishes Dad for a wonderful birthday. Fantastic stay. </b><b>Happy father's day.</b> ความรักนี้แด่พ่อในวันพ่อที่สุดแสนวิเศษ พักผ่อนมากๆนะครับ สุขสันต์วันพ่อครับ</div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>Happy father's day. Thanks for always being there for me without ever being in the way.</b></div>
<div>
สุขสันต์วันพ่อครับ ขอบคุณสำหรับการเป็นพ่อที่ดีให้แก่ผมเสมอมา ซึ่งไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย</div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>Dad, I remember when you didn't need help blowing out your <span class="GINGER_SOFTWARE_mark" ginger_software_uiphraseguid="4119d9b8-ddec-49d5-aa47-d7e492b76364" id="4790ebbb-dbe5-4e90-b36c-c9a18029c10e">candles, but</span> you still let me help. Happy father's day. </b>พ่อครับ ผมจำได้นะว่าพ่อไม่เคยให้ใครช่วยเป่าเทียนให้ นอกจากผม สุขสันต์วันพ่อครับ</div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>You are out of this world and yet, you are the best Dad on the planet. <span class="GINGER_SOFTWARE_mark" ginger_software_uiphraseguid="a2428bd9-0f87-4858-8675-d1a06ea36681" id="0068e220-5ceb-4660-81d2-9fe247869434">Weird, huh</span>? </b><b>Happy father's day.</b><b> </b>ถึงพ่อจะจากโลกนี้ไป แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อที่ดีที่สุดในจักรวาล สุขสันต์วันพ่อครับ</div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>Happy father's day. Your unconditional love has always helped me to feel warm and safe. Thanks. </b>สุขสันต์วันพ่อนะครับ รักที่ไม่มีเงื่อนไขช่วยให้ผมรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นเสมอ ขอบคุณมากนะครับ</div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>From my heart to yours, you are and will always be special to me. Happy father's day. </b>จากใจของผม พ่อคงเป็นคนพิเศษสำหรับผมเสมอ สุขสันต์วันพ่อนะครับ</div>
<div>
<b><br /></b></div>
<div>
<b>Happy father's day. Your love has always given me the ability to believe in myself. Thanks for being a great dad. </b>ความรักของพ่อที่มีต่อผมเสมอมา ทำให้ผมมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ขอบคุณสำหรับการเป็นคุณพ่อที่ดีนะครับ<br />
<br />
<b>I hope that you know how much you mean to me. Thanks for everything. </b><b>Happy father's day.</b> ผมหวังว่าพ่อรู้ว่าหมายถึงผม ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งครับ มีความสุขมากๆนะครับ<br />
<br />
<b>Thanks for all the support over the years. You make it so much easier and worthwhile. </b><b>Happy father's day.</b> ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนมาตลอดทั้งปีนะครับ พ่อทำให้มันมากขึ้นและคุ้มค่ามากๆ สุขสันต์วันพ่อครับ<br />
<br />
<b>I wonder if you know how much I love you. I sure don't tell you enough. </b><b>Happy father's day.</b> ผมรู้นะครับว่าพ่อรู้ว่าผมรักพ่อมาก ผมแน่ใจว่าผมบอกพ่อยังไม่พอ มีความสุขมากๆนะครับ<br />
<br />
<b>Superheroes are one in a million. Great fathers like you are one in a lifetime. </b><b>Happy father's day.</b>ฮีโร่เป็นหนึ่งในล้าน พ่อที่ดีเยี่ยมเช่นคุณเป็นหนึ่งในชีวิต สุขสันต์วันเกิด!<br />
<br />
<b>You have so many dreams. Happy Birthday to the best napper I know. </b><b>Happy father's day.</b> พ่อมีความฝันมากมาย อวยพรให้พ่อที่ดีที่สุดที่ผมรู้จัก สุขสันต์วันพ่อครับ<br />
<br />
<b>Happy birthday to the Dad that is hotter than the candles on his cake. </b><b>Happy father's day.</b> สุขสันต์วันเกิดให้พ่อที่ร้อนกว่าเทียนบนเค้ก มีความสุขมากๆครับ<br />
<br />
<b>As I learn more and more, I realize that you have always known more. Thanks for letting me learn it on my own. Happy Birthday. </b>ขณะที่ผมได้เรียนรู้มากขึ้นและมากขึ้น ผมรู้ว่าพ่อได้รู้จักผมมากขึ้น ขอบคุณสำหรับการให้ผมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง สุขสันต์วันเกิดครับ<br />
<br />
<b>I hope that you have a great birthday and that this next year is full of peace and happiness. Happy Birthday. </b>ผมหวังว่าพ่อจะมีวันเกิดที่ดี และว่าปีหน้านี้เต็มไปด้วยความสงบและความสุข สุขสันต์วันเกิดครับ<br />
<br />
<b>Thanks for letting me be my own man, even though you are the man that I wanted to be. Happy Birthday.</b> ขอขอบคุณที่ปล่อยให้ผมเป็นตัวของตัวเอง แม้ว่าพ่อจะเป็นคนที่ผมอยากจะเป็น สุขสันต์วันพ่อครับ<br />
<br />
<b>I wanted to get you a really nice birthday present, but I wasn't sure if you could afford it. Happy Birthday. </b>ผมอยากจะให้พ่อได้รับของขวัญวันเกิดที่ดีจริงๆ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าพ่อจะสามารถจ่ายได้ 555 -ขำๆนะครับ สุขสันต์วันพ่อครับ<br />
<b><br /></b><b>Your money has been better spent on me than vacations at the beach - so plan on staying home again this year. Happy Birthday.</b> เงินของพ่อได้รับการใช้จ่ายที่ดีขึ้น กับผมในวันหยุดพักผ่อนที่ชายหาด เพื่อวางแผนในการเข้าพักอีกครั้งในปีนี้ สุขสันต์วันพ่อครับ<br />
<br />
<b>Your kindness has never been in short supply and I count on that. Happy Birthday.</b> ความสุขของพ่อไม่ได้อยู่เพียงแค่ช่วงสั้นๆ ผมนับมันตลอด มีความสุขมากๆนะครับ<br />
<br />
มอบความรักให้กับคุณพ่อด้วย <i>คําอวยพรวันพ่อภาษาอังกฤษ (Father's Day Wishes)</i> มีเราได้คัดสรรค์มาแล้ว รับรองว่าคุณพ่อต้องโดนครับ ลองเลือกประโยคที่ตรงกับคุณพ่อมากที่สุด หรืออาจนำไปปรับแต่งเพื่อให้เข้ากันกับคุณพ่อของเรา บอกสิ่งดีๆให้คุณพ่อได้รับรู้ตั้งแต่วันนี้และต่อๆไปนะครับ<br />
<br />
แต่เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวคุณแม่จะน้อยใจเอา <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/07/blog-post_21.html">คำอวยพรวันแม่ภาษาอังกฤษ (Mother's Day Wishes)</a> เราก็ได้คัดสรรค์มาแล้วเข่นกัน ลองดูนะครับ สุขสันต์วันพ่อครับ </div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2015/04/fathers-day-wishes.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-18258238928379892342015-04-04T05:27:00.000+07:002015-04-05T12:50:08.964+07:00นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale)สำหรับผู้ที่กำลังมองหา <b>นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale)</b>เพื่อเสริมทักษะให้กับตัวเอง หรืออ่านเพื่อความบันเทิง หรือนำไปเล่าให้เด็กๆฟัง วันนี้เรามี นิทาน สนุกๆและอ่านง่ายมานำเสนอ เน้นถึงเรื่องความเป็นมิตรกัน และสามารถทำให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจในภาษาอังกฤษมากขึ้น นิทาน จึงเป็นสื่อในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เรามาดูกันว่ามีเรื่องไหนที่น่าสนุกบ้าง<br />
<strong><br /></strong>
<strong>The Rat and The Frog</strong><br />
นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) เรื่อง หนูกับกบ<br />
<br />
<ul>
<li>One day, a country rat wanted to go to town. He prepared himself and started his journey. วันหนึ่ง หนูบ้านนอกมีความคิดอยากจะเข้าไปในเมืองใหญ่ เข้าได้เตรียมตัวและเริ่มต้นการเดินทาง</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li>It was hot on the way. So the rat was tired and thirsty then stopped near a big pond to drink water for refreshing himself and to find some fruits to eat. หนทางที่หนูตัวนี้เดินทางนั้น สุดแสนจะร้อน หนูเหนื่อยมากและหิวน้ำเป็นที่สุด มันจึงได้หยุดที่สระน้ำใหญ่แห่งหนึ่งเพื่อที่จะดื่มน้ำให้คลายร้อน และหาผลไม้แถวนั้นกินด้วย</li>
</ul>
<br />
นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) เรื่องนี้เริ่มต้นเรื่องด้วยหนูที่อยากจะเข้ากรุง เหมือนใครหลายๆคนที่อยากจะเข้าไปในเมืองใหญ่ ซึ่ง ภาษาอังกฤษ ในเนื้อเรื่องใช้ภาษาที่ค่อนข้างเข้าใจได้ง่ายมากๆ อาจไม่เหมือน นิทาน อื่นๆทั่วๆไป ลองอ่านต่อกันเลย<br />
<br />
<ul>
<li>Near that point, there lived a frog. When the rat saw the frog, he walked straight towards and forced the frog to take him to the other side of the pond. ใกล้ๆกันนั้นเอง มีกบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ หนูมองไปที่กบและตรงไปหาทันที จากนั้นก็บังคับให้กบพาข้ามฝั่ง</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li>But the frog refused. The rat beats up the frog badly. So the frog had to give up and agreed to take him across the pond. แต่กบตัวนั้นได้ปฏิเสธ หนูจึงต่อว่ากบ กบจึงลุกขึ้นและตกลงที่จะพากบข้ามฝั่งไป</li>
</ul>
<br />
มีใครรู้บ้างไหมว่า นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) มีประโยชน์ต่อเราอย่างไร แน่นอนคือ สนุก แต่ที่สำคัญคือ ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ ไปในตัวด้วย<br />
<br />
<ul>
<li>The rat was afraid that the frog might leave him in the middle of the pond, so he tied his leg with the frog's leg. หนูกลัวว่ากบจะทิ้งกลางบ่อ มันจึงผูกขาของมันเข้ากับขาของกบไว้</li>
</ul>
<br />
เอาแล้วสิ มีกลัว ต้องผูกขาติดกันซะด้วย บางครั้งคนเราด้วยความคิดอาจจะรอบคอบ หรืออยากจะเอาเปรียบคนอื่น นิทาน เรื่องนี้มีแง่ให้คิด อยากให้เน้นเรื่องการใช้ ภาษาอังกฤษ ของเรื่องนี้ เรามาต่อกันเลย<br />
<br />
<ul>
<li>When they were in the middle of the pond, the frog stoped swimming, wanting the rat to drown. The rat tried to swim to save himself from drowning while the frog looked on with satisfaction. เมื่อทั้งคู่มาถึงกลางบ่อ กบได้หยุดว่ายต่อ ซึ่งต้องการให้หนูตัวนั้นจมน้ำ หนูพยามเอาว่ายน้ำพยุงตัวขึ้นมาเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างสุดกำลัง ขณะที่กบก็ได้เฝ้ามองอย่าง พออก พอใจ</li>
</ul>
<br />
แหม่ เป็นเราก็ไม่รู้จะเชียร์ใครดีระหว่างกบหรือหนู ซึ่งต่างคนก็ต่างที่จะจ้องทำร้ายกัน นิทานภาษาอังกฤษ เรื่องนี้น่าจะบอกอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของ ภาษาอังกฤษ ซึ่งเขียนได้เข้าใจง่ายมากทีเดียว เรามาดูตอนจบกันว่า นิทาน เรื่องนี้จะออกมาอย่างไร<br />
<br />
<ul>
<li>Meanwhile, there was a hawk flying by the pond and saw the two animals. The hawk grabbed both of them for his meal. ทันใดนั้นก็มีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินมาแถวบ่อน้ำ และเห็นหนูและกบกำลังว่ายน้ำอยู่ จึงจับไปเป็นอาหารทั้งคู่</li>
</ul>
<br />
นิทานภาษาอังกฤษ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การเอาเปรียบ หรือคิดร้ายต่อผู้อื่น ย่อมนำภัยมาถึงตัวโดยไม่ช้า น้องๆหนูอย่าเอาเยี่ยงอย่าง นิทาน เรื่องนี้นะ การคิดร้ายต่อผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี และไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง น้องๆต้องมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีใจเมตตา โอบอ้อมอารี และ นิทาน เรื่องนี้ก็ให้แง่คิดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ ที่ใช้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย อ่านแล้วสนุกมากๆ<br />
<br />
<strong>The Lion and The Hare</strong><br />
นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) เรื่อง สิงห์โตกับกระต่าย<br />
<br />
<ul>
<li>There was a lion who woke up in one evening feeling hungry. He went to look for food in the jungle was so hungry that wanted to catch anything found. มีสิงห์โตตัวหนึ่งได้ตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับความหิวโหย มันได้เข้าไปในป่าเพื่อหาอาหาร มันหิวมากและต้องการจับกินทุกสิ่งที่มันเจอ</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li>Suddenly, saw a hare running about. The lion ran after the hare. Soon he caught that little hare. Ash was going to eat the hare, saw a deer because greedy thought he should eat the big deer instead of the hare. ทันใดนั้นมันเห็นกระต่ายกำลังวิ่งอยู่ และมันก็วิ่งตามกระต่ายตัวนั้น และมันก็จับกระต่ายตัวน้อยนั้นได้ ขณะที่มันกำลังจะกินกระต่ายนั้น ก็เหลือไปเห็นกวาง และด้วยความโลภที่คิดจะกินกวางที่ใหญ่กว่าแทนกระต่าย</li>
</ul>
<br />
นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) เรื่องนี้ นำเรื่องด้วยความหิวโหย เป็น นิทาน ที่น่าสนใจอีกเรื่อง เพียงแค่ได้อ่านต้นเรื่องก็น่าสนใจแล้ว ตามต่อกันเลยดีกว่า<br />
<br />
<ul>
<li>So he left the hare and turned to chase the deer. The deer ran as fast as he could for fear of the lion. The deer ran very fast that the lion could not catch him. และแล้วก็ปล่อยกระต่ายนั้นไป และหันมาไล่จับกวางแทน ด้วยความกลัว กวางจึงวิ่งหนีสุดชีวิต และแล้วก็วิ่งเร็วกว่าสิงห์โตเสียอีก จนสิงห์โตไม่สามารถจับมันได้</li>
</ul>
<br />
เพียงแค่รู้ว่าปล่อยกระต่ายไป ก็เดาได้เลยว่าเจ้าสิงห์โตตัวนี้โลภซะเหลือเกิน แต่ยังไงเสียก็เป็น นิทาน ที่ให้แง่คิดดีๆ เว้นแต่เสียว่า เราจะไม่นำเอาสิ่งที่ไม่ดีนี้ไปเป็นแบบอย่าง นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) ชุดนี้เน้นเรื่องของ นิทาน ที่ให้แง่คิดได้ดีมากทีเดียว<br />
<br />
<ul>
<li>Finally, he stopped running because was too tired said to himself, "I had better go back to eat the hare." He hurried back to the hare. But when was at the place, the hare had gone<gs class="GINGER_SOFTWARE_mark" ginger_software_uiphraseguid="e46b612e-69b9-446f-9ae9-2749ee369179" id="2a5dbb98-3053-4806-80d9-8287b0e53414">. </gs>The lion was so sorry was greedy and now he had nothing to eat even a little hare. และสุดท้าย มันก็หยุดไล่ล่าด้วยความเหนื่อยล้า และพูดว่า ฉันกลับไปกินกระต่ายดีกว่า และมันก็กลับไปหากระต่าย แต่เมื่อมันมาถึง กระต่ายก็หนีไปเสียแล้ว สิงห์โตเสียใจมาก ด้วยความโลภ มันจึงอดกินกระต่ายเลย</li>
</ul>
<br />
นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนโลภมักจะทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว ด้วยความอยากที่มีอยู่ต่อหน้า และคิดว่าดีกว่าสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ดังสุภาษิตที่ว่า โลภมากลาภหายนั่นเอง จากนิทาน ทั้งสองเรื่องนี้สร้างแง่คิดให้น้องๆหนูๆได้อย่างดีเลยทีเดียว และที่สำคัญคือ สามารถเสริมสร้างการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษ ให้น้องๆได้เป็นอย่างดี<br />
<br />
นิทาน ที่มีอยู่มากมายนั้น สอนทั้งวิธีการใช้ชีวิตและแง่คิดต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น บางเรื่องอาจเป็นภาษาที่เข้าใจยาก แต่ก็มากด้วยแง่คิด โดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ จาก นิทาน ที่นำเสนอนี้สอดแทรกด้วยแง่คิดที่น่าสนใจเป็นอย่างดี<br />
<br />
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนนิทาน หรืออ่านนิทานมาหลายเรื่อง ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนิทานพื้นบ้าน ที่เน้นด้านความบันเทิงเสียมากกว่า น้อยนักที่จะให้แง่มุมดีๆ อย่างเช่น นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale) ทั้ง 2 เรื่องนี้ ซึ่งถือได้ว่าเขียนได้น่าติดตาม ชวนให้คิดตามเนื้อเรื่องอยู่ตลอดเวลา หากผู้อ่านที่อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อาจไม่ได้คิดตาม ลองย้อนอ่านอีกสักรอบแล้วคิดตามดูนะครับ<br />
<br />
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ <i>นิทานภาษาอังกฤษ (Fairy Tale)</i>ของเรา ถูกใจกันบ้างหรือเปล่า โอกาสหน้า เราจะนำเสนอเนื้อหาของ นิทาน ที่หลากหลายและเพิ่มความสนุกสนานให้มากยิ่งขึ้น น้องๆหนูสามารถติดตามอ่านได้ที่นี่นะครับ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2010/12/blog-post_17.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-56712457273724458382014-08-22T05:05:00.000+07:002015-04-09T05:06:41.834+07:00ลอยกระทงภาษาอังกฤษ (Loy Krathong)ถ้าจะว่าไปแล้วประเทศของเรามีเทศกาลเยอะมาก แต่ที่รู้จักกันมากที่สุดคือเทศกาลลอยกระทง วันนี้จะนำเสนอ <span style="font-weight: bold;">ลอยกระทงภาษาอังกฤษ (Loy Krathong)</span> กันดูบ้างว่าจะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาหาข้อมูลเรามาดูกันเลยครับ<br />
<b style="text-align: center;"><br /></b>
<span style="text-align: center;">Loy Krathong Day is one of the most popular festivals of Thailand celebrated annually on the Full-Moon Day of the Twelfth Lunar Month. It takes place at a time when the weather is fine as the rainy season is over and there is a high water level all over the country. </span><br />
<span style="text-align: center;"><br /></span>
<span style="text-align: center;">วันลอยกระทงเป็นเทศกาลที่สำคัญวันหนึ่งของไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งอยู่ในปลายฤดูฝน จะเห็นว่าแม่น้ำลำคลองทุกแห่งจะมีระดับน้ำที่สูง อากาศในช่วงนี้เย็นสบายน่าดู</span><br />
<ul>
</ul>
<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_CTSvN6eAf97fJ2NGk3jU6BnA63nOEmAgX2M2i3yVypDxabGOXtc7LPrAV9Z96ZYnoqVrP0hWXOTjGC4NGboExuTYWviTNK6xNaLpYZJE9Hym4CQY-QycZ7r9uJLECaa4puc5mdOPbZKO/s1600/%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="ลอยกระทงภาษาอังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_CTSvN6eAf97fJ2NGk3jU6BnA63nOEmAgX2M2i3yVypDxabGOXtc7LPrAV9Z96ZYnoqVrP0hWXOTjGC4NGboExuTYWviTNK6xNaLpYZJE9Hym4CQY-QycZ7r9uJLECaa4puc5mdOPbZKO/s1600/%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" height="229" title="ลอยกระธงภาษาอังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ประเพณีลอยกระทง ประวัติลอยกระทงภาษาอังกฤษ </td></tr>
</tbody></table>
<br />
"Loy" means "to float" and a "Krathong" is a lotus-shaped vessel made of banana leaves. The Krathong usually contains a candle, three joss-sticks, some flowers and coins.<br />
<br />
ความหมายของคำว่า "Loy" ก็คือการลอย ส่วนความหมายของคำว่า "กระทง" ก็คือ กระทงที่ทำด้วยใบตองทรงรูปดอกบัว ประดับด้วยเทียนและธูป<br />
<b><br /></b>
In fact, the festival is of Brahmin origin in which people offer thanks to the Goddess of the water. Thus, by moonlight, people light the candles and joss-sticks, make a wish and launch their Krathongs on canals, rivers or even small ponds. It is believed that the Krathongs carry away sins and bad luck, and the wishes that have been made for the new year due to start. Indeed, it is the time to be joyful and happy as the sufferings are floated away.<br />
<br />
ที่จริงแล้วประเพณีนี้เป็นของศาสนาพราหมณ์ ที่ต้องการขอบคุณเจ้าแม่คงคา คนทั่วไปจึงทำการจุดธุปเทียนพร้อมกับตั้งจิตอธิฐานแล้วจึงลอยกระทงลงแม่น้ำในค่ำคืนนี้ลงในสระน้ำหรือลำคลอง เพราะเชื่อว่ากระทงจะนำพาความโชคร้ายต่างๆออกไป และช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงแห่งความสนุกรื่นเริง เนื่องากได้ลอยเอาความโศกเศร้าต่างๆออกไปแล้ว ที่สำคัญจะต้องตั้งจิตอธิฐานให้ดีด้วย<br />
<b><br /></b>
The festival starts in the evening when there is a full moon in the sky. People of all walks of life carry their Krathongs to the nearby rivers. After lighting candles and joss-sticks and making a wish, they gently place the Krathongs on the water and let them drift away till they go out of sight.<br />
<br />
การลอยกระทงของคนส่วนใหญ่จะลอยในช่วงเย็นตอนพระจันท์เต็มดวง ซึ่งก็จะนำกระทงของตนเองไปลอยในลำคลองหรือสระน้ำใกล้ๆ จากนั้นจึงจุดธูปและเทียนและตั้งจิตอธิฐานถึงสิ่งที่ต้องการแล้วจึงปล่อยกระทงลงในน้ำ ปล่อยให้ไหลไปตามลำน้ำ<br />
<b><br /></b>
A Beauty Queen Contest is an important part of the festival and for this occasion. it is called "The Noppamas Queen Contest". Noppamas is a legendary figure from the Sukhothai period. Old do***ents refer to her as the chief royal consort of a Sukhothai Kng named "Lithai". Noppamas was said to have made the first decorated Krathong to float in the river on the occasion.<br />
<br />
การประกวดสาวงามก็เป็นส่วนสำคัญของเทศกาลนี้เช่นกัน แต่ว่าในโอกาสเช่นนี้ เราเรียกว่า"ประกวดนางนพมาศ" นางนพมาศ เป็นสตรีในตำนานครั้งกรุงสุโขทัยตามหลักฐานกล่าวว่า นางนพมาศเป็นสนมเอกของพระเจ้ากรุงสุโขทัยพระนามว่า "ลิไท" กล่าวกันว่า นางนพมาศเป็นคนแรกที่ทำกระทงประดับประดาสวยงามเพื่อลอยในลำน้ำในโอกาสนี้<br />
<b><br /></b>
In Bangkok, major establishments such as leading hotels and amusement parks organise their Loy Krathong Festival and the Krathong contest as mojor annual function.<br />
<br />
ในกรุงเทพมหานครสถานที่ใหญ่ๆ เช่น โรงแรมชั้นนำและสวนสนุกจะจัดเทศกาลลอยกระทงขึ้น พร้อมทั้งจัดให้มีการประกวดกระทงประจำปีด้วย<br />
<b><br /></b>
For visitors to Thailand, the Loy Krathong Festival is an occasion not to be missed. the festival is listed in the tourist calendar. Everyone is invited to take part and share the joy and happiness.<br />
<br />
สำหรับผู้มาเยือนประเทศไทยเทศกาลลอยกระทงนี้ เป็นโอกาสที่ไม่ควรจะพลาดและเทศกาลนี้จัดไว้ไนปฏิทินการท่องเที่ยวด้วย ทุกๆคนสามารถเข้าร่วมสนุกสนานรื่นเริงได้<br />
<br />
อย่างไรก็ดี หลังจากเพื่อนๆเที่ยวสนุกกับเทศกาลลอยกระทงแล้ว อย่าลืมทำการบ้าน <i>ลอยกระทงภาษาอังกฤษ (Loy Krathong) </i>ส่งคุณครูกันด้วยนะครับ
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/08/blog-post_09.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0ประเทศไทย15.870032 100.992541000000070.21740199999999987 80.338244000000074 31.522662 121.64683800000007tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-331117336930219852014-08-11T07:18:00.000+07:002015-04-09T20:49:50.364+07:00ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ (English Profile)สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ต้องการเขียน <span style="font-weight: bold;">ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ (English Profile)</span> วันนี้ผมจะมาแนะนำเทคนิคสำหรับการเขียนกันนะครับ ว่ามีหลักการเขียนอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ พร้อมทั้งตัวอย่างการใช้งานจริงให้ดูกันครับ<br />
<br />
<ul>
<li><b>เราต้องทำความรู้จักกับประวัติส่วนตัว</b> ว่ามีความเป็นมาอย่างไร มีส่วนใดสำคัญหรือไม่สำคัญบ้าง เราจึงจะสามารถเขียนประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง หลังจากนั้นจึงไปดูตัวอย่างที่เป็นของจริงกัน</li>
</ul>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4IgPfYu7K3JZqfodqObFiDGyZTpUYgwYZ3wr5gsNLSj1RNfzr17tdw-2e3AEtoSaEffQrDWm76ENp1RekR5YCaqiYaMwM_vyVu3dCvVuZV5xWl2tu8oYvP5drFhkNPcM8DoAYADH1_2b8/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4IgPfYu7K3JZqfodqObFiDGyZTpUYgwYZ3wr5gsNLSj1RNfzr17tdw-2e3AEtoSaEffQrDWm76ENp1RekR5YCaqiYaMwM_vyVu3dCvVuZV5xWl2tu8oYvP5drFhkNPcM8DoAYADH1_2b8/s1600/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" height="211" title="ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><b>ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ</b> จุดเริ่มต้นของการสมัครงาน ภาพจาก : siamrathjobs.com</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<ul>
<li><b>ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ (English Profile)</b> หรือที่เรียกว่า รีซูเม่ (<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/02/resume.html" target="_blank">Resume ภาษาอังกฤษ</a>) เป็นคำที่มาจากภาษาฝรั่งเศส ความสำคัญของมันก็เท่ากันกับจดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษนั่นหล่ะ สังเกตุได้ตามรับสมัครงานต่างๆ นายจ้างส่วนใหญ่ก็จะให้ส่ง รีซูเม่ เข้าไปก่อน</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>รายละเอียดประวัติย่อ</b> รีซูเม่ ถือเป็นประตูเลยที่จะบ่งบอกถึงคุณ ให้เขียนแบบกระทัดรัด แต่สามารถทำให้ผู้อ่านรู้ถึงความเป็นคุณให้ได้ จะไม่เหมือนกันกับการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะไม่เป็นทางการ</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>รีซูเม่ ที่ดีไม่ควรเกิน 2 หน้ากระดาษ A4</b> และต้องเป็นกระดาษสีขาวที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะนักศึกษาที่จบใหม่ด้วยแล้ว ต้องเขียน รีซูเม่ ให้จบใน 1 หน้ากระดาษเท่านั้น</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>อย่าเขียนคำย่อ</b> ให้เขียนคำเต็ม เช่น วันเดือนปี ต้องเขียนคำเต็มเท่านั้น ส่วนคำอื่นๆจะย่อหรือไม่นั้นต้องดูตามความเป็นสากล</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>ระวังเรื่องของการงานอดิเรก</b> ที่เคยทำไว้ ว่าเหมาะสมที่จะเขียนหรือเปล่า ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัครเลย ก็อย่าเขียนครับ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่น่าจะเกี่ยวข้องกันก็เขียนไปเลย โดย<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/07/English-Introduction.html" target="_blank">การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ</a> เช่น คุณสมัครตำแหน่งไอที แล้วงานอดิเรกของคุณคือ ชอบท่องเที่ยวหรือชอบฟังเพลงเอามากๆ อันนี้ก็ไม่เหมาะ ควรที่จะเป็นชอบอ่านหนังสือ จะเหมาะกว่าเพราะเป็นลักษณะของคนที่ศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา</li>
</ul>
<br />
เรามาดูเรื่องของส่วนประกอบต่างๆกันว่ามีอะไรบ้าง หลักๆเลยคือหัวเรื่อง ประกอบด้วยชื่อและที่อยู่ จุดนี้จะอยู่ด้านบนหัว ชื่อเราต้องใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ครับ ส่วนที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์จะใช้ตัวพิมพ์เล็ก<br />
<br />
<ul>
<li><b>ตำแหน่งที่เราต้องการสมัคร</b> ให้ระบุชื่อตำแหน่งที่เปิดรับนั้นลงไปครับ หรือไม่ก็ตำแหน่งที่เราต้องการสมัครก็ได้ หรือสายงานที่ตัวเองต้องการอยากจะทำหรืออย่างใดอย่างหนึ่งครับ</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>การศึกษาที่เราจบมาว่าจบจากที่ไหน ปีอะไร คณะอะไร</b> ซึ่งจำเป็นจะต้องเขียนลงใน<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post.html" target="_blank">ใบสมัครงานภาษาอังกฤษ</a> ระบุลงไปได้เลยครับ แต่จะต้องเรียงจากจบล่าสุดก่อนเสมอ ไปจนถึงมัธยม ไม่ต้องถึงประถมหรอก ให้ระบุไปด้วยว่าผลการเรียนของเราเป็นอย่างไร มีวิชาพิเศษอื่นๆหรือเปล่า จุดนี้ผู้รับสมัครจะพิจารณานะครับ</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา</b> สำคัญมาก เพราะผู้รับจะพิจารณาในส่วนนี้มากที่สุดว่าเหมาะกับตำแหน่งงานหรือไม่ คุณจะต้องระบุวันเดือนปีที่เคยทำงานมา ที่อยู่ของที่ทำงาน และลักษณะของงานที่เคยทำมาด้วย</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>คุณสมบัติพิเศษ </b>อยากจะนำเสนอ ก็สามารถเสนอได้ครับ หากไม่มีก็ไม่เป็นไรถือว่าไม่ผิด แต่ถ้าหากมีคุณก็จะได้รับการพิจารณาที่จุดนี้</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>รายละเอียดส่วนตัว</b> ขอเน้นย้ำตรงนี้เลยนะครับว่าจะต้องเขียนให้ครบซึ่งประกอบไปด้วย เพศ อายุ วันเดืนปีเกิด ส่วนสูง น้ำหนัก ที่อยู่ สถานะการสมรส ศาสนา สถานภาพทางทหาร สถานที่เกิด สัญชาติและเชื้อชาติ เป็นต้น คุณอาจจะเพิ่มงานอดิเรกเข้าไปในส่วนนี้ด้วยก็ได้ครับ</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>บุคคลอ้างอิง</b> ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกจุดหนึ่ง เนื่องจากนายจ้างจะมองว่าเขาสามารถมองหาคนอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ที่จะรับรองในตัวคุณได้หรือไม่ เพราะฉนั้นเขาจึงมองไปที่นางจ้างเก่าของคุณเป็นสำคัญ บุคคลอ้างอิงจึงน่าจะเป็นนายจ้างเก่าของคุณเหมาะสมที่สุด อันนี้เป็กรณีที่คุณลาออกจากงานเรียบร้อยแล้ว หากยังไม่ออกจากงานอาจใช้ครูอาจารย์ที่เราเรียนด้วยก็ได้ แต่ห้ามใช้ญาติของคุณเด็ดขาด เพราะน้ำหนักความน่าเชื่อถือน้อย</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>การใช้บุคคลอ้างอิงควรใช้อย่างน้อย 2-3 คน</b> พร้อมทั้งอาชีพและที่อยู่ของบุคคลที่อ้างอิงด้วยเสมอ บางบริษัทอาจให้คุณส่งรายชื่อบุคคลอ้างอิงในภายหลังได้ เนื่องจากคุณอาจเกรงนายจ้างเก่ารู้ พึงระลึกเสมอว่านายจ้างทุกคนเปิดใจไม่เหมือนกัน</li>
</ul>
<br />
พอเห็นคร่าวๆกันแล้วนะครับ <i>ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ (English Profile) </i>ว่าส่วนใหญ่แล้วเขียนกันอย่างไร ที่คุณเคยเขียนมาถูกต้องหรือไม่ อาจแนบไปพร้อมกันกับ<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post_27.html" target="_blank">จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ</a> ที่เราได้เตรียมไว้สมัครงานก็ได้ ลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/06/blog-post_14.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.4762319000000213.229814600000001 99.830784900000012 14.2170226 101.12167890000002tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-66067324985620885282014-08-09T13:07:00.000+07:002015-04-09T20:54:57.494+07:00เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี (Where to learn english) หลายๆคนอาจยังไม่รู้หรือกำลังตัดสินใจว่าจะ <span style="font-weight: bold;">เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี (Where to learn english) </span> วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษทั้งเมืองไทยและต่างประเทศมาเปรียบเทียบกัน หลายๆคนมีคำถามว่าที่ไหนดีถึงจะเหมาะ และที่ไหนถึงจะดีกว่ากัน คำตอบไม่ตายตัว ขึ้นอยู่ที่ว่า เป้าหมายของแต่ละคนที่จะเรียนเป็นอย่างไร<br />
<br />
<i>การเรียนภาษาอังกฤษ</i> เป็นปัญหาสำหรับคนไทยจริงๆ ต้องบอกก่อนว่าการเรียนภาษาอังกฤษทั้งในไทยและในต่างประเทศ มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งไม่สามารถตัดสินได้ว่าที่ไหนดีกว่าหรือเหมาะกว่าสำหรับแต่ละบุคคล<br />
<ul>
</ul>
<i>เป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษเป็นอย่างไร</i> หากเรียนที่เมืองไทยเป้าหมายจะอีกแนวนึง และหากเรียนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา นิวซีแลนด์ และอื่นๆอีกมากมาย เป้าหมายการเรียนภาษาอังกฤษก็คืออีกตัวนึงเลย<br />
<ul>
</ul>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgIWNrS1gcVCfEPYIQ19-kaf0TnO7izkUMDgIntg-8OVT7VZN1_iX5CwzScAmoz11Y7T91-WOkrLCR4NuapHg57ZhpE4LKZO5kco6LdXtX247T_18knFs4gL3eSpgP4Mx7Or1fp8geuqV5r/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgIWNrS1gcVCfEPYIQ19-kaf0TnO7izkUMDgIntg-8OVT7VZN1_iX5CwzScAmoz11Y7T91-WOkrLCR4NuapHg57ZhpE4LKZO5kco6LdXtX247T_18knFs4gL3eSpgP4Mx7Or1fp8geuqV5r/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5.jpg" height="212" title="เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ในประเทศหรือต่างแระเทศ <b>เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี? </b></td></tr>
</tbody></table>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<i>การเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทย</i> ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าหากเรียนที่เมืองไทย การสอนก็จะเป็นภาษาไทย ยกเว้นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่เป็นฝรั่งสอนซึ่งค่าเล่าเรียนจะแพงมาก เมื่อเทียบกับโรงเรียนภาษาไทย ที่คุณครูไทยสอน<br />
<div>
<br />
<i>หากเป็นครูไทยสอนจะเป็นอย่างไร</i> พอเป็นคุณครูที่เป็นภาษาไทยสอน สิ่งที่จะเน้นก็คือ Grammar หลักภาษา ด้วยความที่อยู่เมืองไทย การฝึกฝนก็ย่อมมีน้อย 168 ชั่วโมง เรียน 3 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์<br />
<ul>
</ul>
<ul>
</ul>
<i>ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร</i> คือ เราไม่ได้คิดเป็นภาษาอังกฤษตลอดเวลา ออกมาจากห้องเรียนตรงนั้นแล้ว ก็พูดภาษาไทยปุ๊บ โอกาสที่จะพัฒนาด้าน ฟัง พูด อ่าน เขียน มันมีน้อยกว่า หรือเรียกว่าจำกัด ดังนั้นหากผู้ที่ต้องการจะเรียนในเมืองไทย แนะนำเป้าหมายว่า จะเหมาะกับการฝึก Grammar ฝึกภาษาที่จะใช้ในแบบทางการ หรือทักษะที่ไม่จำเป็นจะต้องฝึกกับฝรั่งจริงๆ เพราะออกมานอกห้องเรียนแล้วก็จะเป็นภาษาไทยอยู่ดี แล้วอย่างนี้จะเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีหล่ะ</div>
<div>
<br />
<i>การเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศดีอย่างไร </i>เป้าหมายควรเป็นลักษณะการสื่อสารเพื่อนำไปใช้ นอกจากการฟัง พูด อ่าน เขียนแล้ว จะเป็นเรื่องการนำไปใช้จริงๆ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าโอกาสในการฝึกฝนเวลาที่เราอยู่ต่างประเทศมีอยู่ตลอดเวลา</div>
<div>
<br />
<i>ผลการเรียนจะต่างกันมากไหม</i> ห้องเรียนใช้ภาษาอังกฤษ มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ ถึงแม้จะมีคนไทยบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นต่างชาติ ออกมาข้างนอกปุ๊บ ซื้อขนมทานหรือซื้ออะไรก็ตามเป็นภาษาอังกฤษหมด ดังนั้นโอกาสที่เราจะฝึกจึงมีตลอดเวลา นี่คือข้อแตกต่างระหว่างการเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองไทยกับต่างประเทศ<br />
<ul>
</ul>
<i>จะตัดสินใจเรียนอย่างไรดี</i> กลับมาย้อนมองตัวเองนะครับว่า ตัวเองต้องการอะไรในการฝึกฝน ถ้าให้ดีนะครับ ขอเน้นย้ำสำหรับตัวผมแล้ว ไม่ระบุว่าที่ไหนเรียนแล้วเหมาะ คือ เคยเจอหลายๆเคสที่เรียนเมืองไทยแล้วเก่ง ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน เขียน และบางคนที่ไปเรียนต่างประเทศ และ ฟัง พูด อ่าน เขียน ไม่ได้ก็มี ดังนั้นเมื่อผ่านไประดับนึงแล้ว ให้กลับมามองย้อนตัวเองและตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนอีกครั้งนึงว่า แท้จริงแล้วเราต้องการอะไร สมมุติเราขาดตรงนั้น ก็ให้ไปเสริมตรงนั้น<br />
<ul>
</ul>
<i>ตัดสินใจเรียนในประเทศดีไหม</i> โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่เก่งๆในประเทศ ที่มีครูสอนเก่งๆเยอะๆ มีสื่อดีๆก็เยอะ ลองเลือกดูครับ ให้กำลังใจตัวเอง และมองปัญหาให้ชัดแล้วมุ่งไปหามัน เช่น หากเราต้องการจะฝึกพูด ฝึกฟัง ต้องการจะเขียนเก่ง ต้องการจะอ่านเก่ง ไม่มีอะไรนอกไปจากที่เราไปเจอสื่อเยอะๆ เจอคนเยอะๆ ได้ฝึกเยอะๆ แล้วจะทำให้เก่งขึ้นจริงๆ ไม่จำเป็นจะต้องเรียนต่างประเทศ พยายามซะ มันอาจจะยากหน่อยแต่ก็คุ้มครับ </div>
<div>
<br />
<i>สรุปคือจะให้เรียนภายในประเทศใช่ไหม</i> อ่านแล้วอาจจะงงๆว่าสรุปแล้วจะเรียนที่เมืองไทยหรือต่างประเทศ จะเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี เพราะต่างประเทศก็แพง เมืองไทยอาจจะถูกกว่าหน่อย สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่มีประสิทธิภาพเท่าต่างประเทศก็ได้<br />
<ul>
</ul>
อยากจะให้นำมารวมๆกันนะครับ คิด ฝึกเป็นประจำ ก็ให้กำลังใจนะครับ <i>เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี (Where to learn english) </i>ไม่ว่าจะเรียนที่เมืองไทยหรือต่างประเทศ ฝึกตั้งเป้าหมาย ฝึกฝนเพื่อหาเป้าหมายในสิ่งที่เราวางไว้ ก็ดีเหมือนกันครับ ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ</div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/07/where-are-you-learn-english.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com0กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7234186 100.4762319000000213.229814600000001 99.830784900000012 14.2170226 101.12167890000002tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-77100179751944201142014-08-08T20:37:00.000+07:002015-04-09T20:48:41.638+07:00Resume ภาษาอังกฤษ (English Resume)นี่คือตัวอย่างในการเขียน <strong>Resume ภาษาอังกฤษ </strong><b>(English Resume)</b>นะครับ เป็นตัวอย่างที่นำไปใช้งานอย่างแพร่หลายและเป็นที่ยอมรับมากที่สุด มาดูกันครับว่าเราจะต้องเขียนอะไรบ้าง<br />
<br />
ก่อนอื่นต้องให้แน่ใจก่อนว่า Resume ภาษาอังกฤษ หรือคนส่วนมากบางทีก็เรียก<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/06/blog-post_14.html" target="_blank">ประวัติส่วนตัวภาษาอังกฤษ</a> ที่คุณกำลังเขียนนั้นสามารถสื่อความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย การที่เราจะเขียนประวัติของเราลงไป เราควรที่จะเรียบเรียงข้อความเสียก่อน ลองนึกดูนะครับว่าจะทำอย่างไรให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจในสิ่งที่เราเขียนลงไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉนั้น Resume ที่เราเขียนต้องสื่อความหมายให้สามารถอ่านเข้าใจง่าย<br />
<br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: left;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9MzLIpNevieO_Y7gve7LqhjKWN5MAtdKqcykDTYvta_v2gm7MZGmb1cbawPrZJ1vBX4uYS6myg1UUebG6hpGSLiZcWyNnFKEDwRn1kxAYfiHxM33OBfq_LEE2eIYkIvCb9eGQVuR7NHC9/s1600/Resume_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="Resume ภาษาอังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9MzLIpNevieO_Y7gve7LqhjKWN5MAtdKqcykDTYvta_v2gm7MZGmb1cbawPrZJ1vBX4uYS6myg1UUebG6hpGSLiZcWyNnFKEDwRn1kxAYfiHxM33OBfq_LEE2eIYkIvCb9eGQVuR7NHC9/s1600/Resume_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" height="208" title="Resume ภาษาอังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><b>Resume ภาษาอังกฤษ</b> เพื่อพิชิดงานในฝัน ภาพจาก : wegointer.com</td></tr>
</tbody></table>
<br />
หลายต่อหลายครั้งนะครับที่ผู้ที่พิจารณารับคนเข้าทำงานต้องเปิด Resume ของหลายๆคนแล้วผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะว่าภาษาอังกฤษที่เขียนไม่สื่อความหมายหรือสื่อไปในทางที่ไม่น่าสนใจ หรือใช้คำที่ง่ายจนเกินไป ทำให้จุดสนใจด้อยลง ลองฝึกการเขียนดูเยอะๆครับ หลายๆแบบแล้วคุณจะเข้าใจไปเองว่าจะต้องเขียนอย่างไร เพราะภาษาอังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิดครับ<br />
<br />
<strong>ส่วนประกอบของ Resume</strong><br />
<strong><br /></strong>
<b>ส่วนแรก</b> ถือว่ามีความสำคัญมากเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะในส่วนเงินเดือนที่ต้องการ หากคุณเป็นนักศึกษาที่จบใหม่แล้วหล่ะก็ ลองดูเรทที่ส่วนใหญ่เรียกกันนะครับ หากคุณพลาดในส่วนนี้ ส่วนอื่นอาจจะไม่ได้รับการพิจารณาเลยหล่ะครับ<br />
<ul>
<li>Photo (ในส่วนนี้ใส่รูปภาพครับ)</li>
<li>Mr/Mrs/Miss (ส่วนนี้ใส่ชื่อและนาสกุลลงไป) ...............................</li>
<li>Expected Jobs: (ระบุตำแหน่งที่ต้องการสมัคร) .............................</li>
<li>Expected Salary: (เงินเดือนที่ต้องการ) ..........................................<br /></li>
</ul>
<b>ส่วนที่สอง</b> เป็นส่วนที่อธิบายรายละเอียดส่วนตัวของคุณ หรือเรียกว่า<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/07/English-Introduction.html" target="_blank">การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ</a>ก็ได้ ไม่ต้องอธิบายมากให้ยืดยาวครับ สั้นๆได้ใจความพอ Resume ส่วนใหญ่ในจุดนี้ ควรกรอกให้ครบที่ช่องครับ<br />
<ul>
<li>Personnel Infomation (ส่วนนี้เป็นเรื่องของรายละเอียดส่วนตัวครับ)</li>
<li>Address: (ระบุที่อยู่) ........................................................................</li>
<li>Phone: (หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้) ............................</li>
<li>Age: (อายุของคุณ) ........................................................................</li>
<li>Nationality: (เชื้อชาติ).....................................................................</li>
<li>Religion: (ศาสนา) ..........................................................................</li>
<li>Height: (น้ำหนัก) ............................................................................</li>
<li>Weight: (ส่วนสูง) ............................................................................</li>
<li>Marital Status: (สถานภาพการสมรสครับ) Single, Separated, Divorced, Widowed</li>
<li>Military Service: (สถานภาพทางทหาร) Passed, Not Passed, Exempted (ยกเว้น)<br /></li>
</ul>
<b>ส่วนที่สาม</b> เป็นส่วนที่อธิบายความสามารถของคุณ การศึกษาที่คุณจบมา จุดนี้สามารถการันตีคุณได้นะครับ<br />
<ul>
<li>Education (ระดับการศึกษา) ..........................................................</li>
<li>Vocational: Grad. in (สาขาวิชา) From (สถาบัน) GPA. (เกรดเฉลี่ย)</li>
<li>High Vocational: (ระดับมัธยมศึกษา) .............................................</li>
<li>Bachelor: (ระดับปริญญาตรี) ..........................................................</li>
<li>Training Job(การฝึกอบรมต่างๆ ถ้ามี) : ..........................................</li>
<li>Project(โครงการต่างๆที่เคยทำ ถ้ามี) : .........................................</li>
<li>Thesis(ถ้ามี) : ................................................................................</li>
<li>Activities (ถ้ามี) : ... กิจกรรมควรเลือกเขียนเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อการสมัครงาน<br /></li>
</ul>
<b>ส่วนที่สี่</b> หากบริษัทสนใจในเรื่องของประสบการณ์การทำงานของคุณ คุณเรียกเงินเดือนเท่าไหร่อาจไม่เกี่ยง หากบริษัทนั้นให้ความสำคัญกับจุดนี้มากที่สุดนะครับ<br />
<ul>
<li>Work Experience (ประวัติการทำงาน) .........................................</li>
<li>2004 - Present: Work for (ชื่อบริษัท) as (ตำแหน่ง)</li>
<li>Salary ................................. bath/month</li>
<li>2000 - 200 4 : ............................................................................</li>
<li>1998 - 2000 : ............................................................................</li>
</ul>
<br />
<b>ส่วนที่ห้า</b> ในเรื่องของใบรับรองความสามารถ การอบรมต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของภาษาอังกฤษควรมีไว้นะครับ เป็นการการันตีการได้งานของคุณเอง และแนบส่วนนี้เข้าไปใน<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post_27.html" target="_blank">จดหมายสมัครงานภาษาอังกฤษ</a>ด้วยครับ<br />
<ul>
<li>Skill (ทักษะต่างๆ) ......................................................................</li>
<li>Computer Skill : (ทักษะในด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์) ............</li>
<li>English : (ทักษะด้านภาษาอังกฤษ) Speaking ... Reading ... Writing ...(poor, fair, good, excellent)</li>
<li>Other Language (ทักษะในภาษาอื่นๆ ถ้ามี) : .............................</li>
<li>Driving : (ใบอนุญาติขับขี่รถยนต์)Drive(yes/no) ... Driving License (yes/no) ... Own Vehicle (yes/no)</li>
<li>Typing: Thai ............. w/m English ................ w/m</li>
<li>Additional Infomation (อาจแก้ไขชื่อหัวข้อย่อยต่อไปนี้ให้สอดคล้องข้อมูลของท่าน)</li>
<li>Seminar(ถ้ามี) : ...........................................................................</li>
<li>Important Do***ent (ถ้ามี) : ...เช่น ใบรับรอง(testimonial), ใบประกาศ(certificate), ใบ กว.(engineering license) ....................................................................</li>
<li>Creation(ถ้ามี) : ..........................................................................</li>
<li>Other(ถ้ามี) : ...............................................................................<br /><br /></li>
</ul>
จะเห็นได้ว่าในการเขียน <i>Resume ภาษาอังกฤษ (English Resume)</i> แต่ละครั้งในจะต้องใส่ใจในรายละเอียดของสิ่งที่เขียนให้มาก ทั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน สามารถสร้างความเข้าใจต่อนายจ้างได้อย่างรวดเร็ว เป็นผลให้คุณได้งานด้วยเช่นกัน โดยปกตินายจ้างจะดูจาก<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/01/blog-post.html" target="_blank">ใบสมัครงานภาษาอังกฤษ</a>ที่เรากรอก และมาดู Resume ที่เราเขียนควบคู่กันนะครับ เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้ง 2 ฉบับมีเนื้อหาที่ตรงกันครับ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/02/resume.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com3กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย13.7278956 100.5241234999999713.2342916 99.878676499999969 14.2214996 101.16957049999998tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-60086351137725138872014-08-08T03:25:00.000+07:002015-04-09T20:57:56.120+07:00คำอวยพรวันแม่ภาษาอังกฤษ (Mother's Day Wishes)วันแม่อันใกล้มาถึงในปี 2015 นี้ คิดคำดีๆสำหรับอวยพรวันแม่กันหรือยัง เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อาจทำให้คุณแม่ถึงกับน้ำตาคลอในความซาบซึ้งใจ ลองมาดูกันครับว่าจะใช้ <span style="font-weight: bold;">คำอวยพรวันแม่ภาษาอังกฤษ (Mother's Day Wishes) </span>ด้วยประโยคไหนดี<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<ul>
<li><b>Thank you for teaching me right from wrong. I love you Mom. Happy Mother's Day. </b>ขอบคุณคุณแม่สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่สอนหนู ที่ทำให้รู้ถึงความผิดชอบชั่วดี สุขสันวันแม่นะคะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>Thank you for giving me time to find myself. I love you Mom. Happy Mother’s Day.</b> ขอบคุณมากครับ คุณแม่ที่ทำให้ผมได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง สุขสันต์วันแม่ครับ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>Thank you for giving me so much love all these years I love you. Mom Happy Mother’s Day. </b>ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้มาทั้งปีนะคะ รักคุณแม่ค่ะ สุขสันต์วันแม่นะคะ</li>
</ul>
<div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img alt="คำอวยพรวันแม่ภาษาอังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgvdC3WTdN80nGEYbKvpdBig_GxfvWREaRnh3uE_yo3ECSJRZGW_ualogMrlE5NZv0iREatBcPlPDWdBIEWADlJb_2W9AfaWt_BOXEn55N46USj54DwLrDYyQFRTg96bZnckgwl2djrLrOm/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" height="224" title="คำอวยพรวันแม่ภาษาอังกฤษ" width="320" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ดอกมะละซ้อน สำหรับอวยพรวันแม่</td></tr>
</tbody></table>
<br /></div>
ประโยคนี้จะเหมาะสำหรับมอบของขวัญให้คุณแม่<br />
<ul>
<li><b>To a wonderful Mom and a very special friend to me. Happy Mother’s Day.</b> แด่คุณแม่ที่แสนดีและคุณแม่ที่สุดวิเศษของผม สุขสันต์วันแม่ครับ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>Thank you for always giving me a second chance. I love you Mom. Happy Mother’s Day. </b>ขอบคุณที่ให้โอกาสหนูเสมอ รักคุณแม่ค่ะ สุขสันต์วันแม่นะคะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>What a perfect gift you are to me. Happy Mother’s Day. </b>แม่คือของขวัญอันสุดวิเศษของผม สุขสันต์วันแม่ครับ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>Thank you for being all these and more to me. Happy Mother’s Day. </b>ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบให้หนูนะคะ สุขสันต์วันแม่ค่ะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>May you always remember. Someone love you very-very much. Happy Mother’s Day. </b>อยากให้รู้เสมอว่ายังมีใครอีกคนที่รักแม่เสมอนะครับ สุขสันต์วันแม่ครับ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
อันนี้เป็น<b>คำอวยพรวันแม่ภาษาอังกฤษ</b> แบบน่ารักๆสำหรับเด็ก สามารถใช้อวยพรคุณแม่ได้เลยครับ<br />
<ul>
<li><b>Due to mother's day, I promise I will be a good child. I promise I will concentrate in studying. I promise I won't sleep lately. I promise I will get up early. I am going to make mom happy. Last, I will love mom more than now and forevermore love. </b>เนื่องในวันแม่นี้ หนูสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีค่ะ หนูจะตั้งใจเรียน ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย จะทำให้แม่มีความสุข และสุดท้ายหนูจะรักแม่ให้มากกว่าทุกวันและจะรักตลอดไปค่ะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>I can't believe another year has passed! I have always looked up to you, you are my idol! Happy Birthday. </b>ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านไปอีกปีแล้ว หนูนึกอยู่เสมอว่า แม่คือมายไอดอลของหนูนะคะ สุขสันต์วันแม่ค่ะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>Having you for a Mom is one of the greatest blessings possible. Happy Birthday. </b>คุณแม่ ก็คือพรที่ยิ่งใหญ่ของหนูแล้วค่ะ ขอให้แม่มีความสุขมากๆนะคะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>There are a lot of mothers in the world, but you are without a doubt the best. Happy birthday!</b> มีแม่มากมายบนโลกนี้ แต่แม่ของหนูคนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ดีที่สุดในโลกเลยคะ สุขสันต์วันแม่ค่ะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>I treasure our special relationship and share your warmth and love on this special day. Happy Birthday. </b>หนูจะรักษาความสัมพันธ์อันแสนพิเศษ และบอกเล่าเรื่องราวความรักและความอบอุ่น ระหว่างแม่และหนู ให้ทุกคนได้รับรู้ว่า หนูรักแม่ค่ะ สุขสันต์วันแม่นะคะ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<ul>
<li><b>Mom, you have always been special to me and I hope that today is special for you. Happy Birthday. </b>แม่ครับ แม่คือสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับผมเสมอ ผมหวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่พิเศษสำหรับแม่เช่นกันนะครับ</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<div>
<ul>
<li><b>I hope that the sun shines as brightly on you today as your love has always shone on me. Happy Birthday. </b>ผมหวังพระอาทิตย์ส่องแสงถึงแม่ในวันนี้ เหมือนความรักที่แม่ทอแสงให้กับผมเสมอครับ</li>
</ul>
</div>
<div>
<br /></div>
<div>
แหล่งที่มา www.1happybirthday.com</div>
<div>
<br /></div>
คงจุใจกันเลยนะครับสำหรับ <i>คำอวยพรวันแม่ภาษาอังกฤษ (Mother's Day Wishes)</i>ลองเลือกดูนะครับ หากคุณแม่ได้ยินคงเป็นปลื้มแน่ๆ สุขสันต์วันแม่ในปีนี้ครับ แต่เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวคุณพ่อจะน้อยใจ ลองดู <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2015/04/fathers-day-wishes.html">คำอวยพรวันพ่อภาษาอังกฤษ (Father's Day Wishes)</a> ซักหน่อยเผื่อใช้อวยพรคุณพ่อด้วยครับ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/07/blog-post_21.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com7จังหวัด ปทุมธานี ประเทศไทย14.0208391 100.5250275999999313.5280271 99.879580599999926 14.5136511 101.17047459999993tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-55164996807574225722014-07-22T16:55:00.000+07:002015-04-09T21:04:47.949+07:00กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ (Mother's Day Poem)ในวันแม่ที่ใกล้จะมาถึงในปี 2014 นี้เรามีกลอนวันแม่มาฝาก หวังว่าคุณแม่ที่ได้รับคงเข้าใจความหมายที่ลูกต้องการจะสื่อและมอบให้ในวันสำคัญนี้ อย่าลืมกราบแม่กันในวันนี้ด้วยนะครับ <span style="font-weight: bold;">กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ (Mother's Day Poem)</span> ถึงเวลาสลัดความอายที่มีต่อแม่ได้แล้วจ้าา<br />
<br />
<ul>
<li><b>A mothers like a ray of sunshine. Whose heart is just pure gold. A mother beams with happiness that'll never grow old. She'll stay in my heart forever. As if she were inside. We've shared so many things, We laughed, we smiled, we cried. I love my mother very much and still throughout the years. We share the mother daughter love,and always when I fear,I know I'll always have my mother somewhere very near!</b><br /><br />แม่เปรียบเสมือนดังแสงอาทิตย์ที่มีหัวใจดั่งทองคำบริสุทธิ์ แม่จะอยู่ในใจของหนูตลอดกาล แม่ให้หลายสิ่งกับหนูทั้งเสียงหัวเราะบางครั้งมีเสียงร้องไห้ หนูรักแม่มากและจะรักตลอดไป หนูมีแม่อยู่เคียงข้างในเวลาที่หนูรู้สึกกลัว เราจะแบ่งปันความรู้สึกดีๆให้แก่กันตลอดไป</li>
</ul>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFZA9d-daJ-3XcBKnF52v6gg5c88Q3cQc3ZFJqicuPKGLeyyBe2CKHw9pH7-6gcM6TZlCvhwSh5f5ct_RT9tUUa7AxnVhWyVPCcMYknLdd0QiaaYijbo3oN6jBB6EtE1QujzIN4zRNRECo/s1600/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFZA9d-daJ-3XcBKnF52v6gg5c88Q3cQc3ZFJqicuPKGLeyyBe2CKHw9pH7-6gcM6TZlCvhwSh5f5ct_RT9tUUa7AxnVhWyVPCcMYknLdd0QiaaYijbo3oN6jBB6EtE1QujzIN4zRNRECo/s1600/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.jpg" height="240" title="กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ ขอให้แม่ทุกคนมีความสุขมากๆนะครับ</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<ul>
<li><b>How did you find the energy, Mom. To do all the things you did,To be teacher, nurse and counselor to me, when I was a kid. How did you do it all, Mom,Be a chauffeur, cook and friend,Yet find time to be a playmate,I just can't comprehend. I see now it was love, Mom That made you come whenever I'd call, Your inexhaustible love, Mom And I thank you for it all.</b><br /><br />เติมพลังงานหน่อยมั๊ยครับแม่ รู้สึกว่าแม่จะทำได้หมดทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นครูหรือพยาบาล ตอนที่ผมยังเป็นเด็กอยู่แม่จะเป็นคนดูแลทุกอย่างเลย เป็นคนทำกับข้าวให้ ขับรถให้ และสามารถเป็นเพื่อนที่รู้ใจที่สุดซึ่งคนอื่นทดแทนไม่ได้ แม่ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างครับ นี่เป็นตัวอย่าง<b>กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ</b>ที่ดีที่สุดคระบ</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>Mother is a part of God. Mother is a part of Love. Mother is a part of our Strength. Mother is a part of our Winning. Mother is a part of who direct us to right path to proceed. and ..and ..so on.. I Love my Mother very much..... Don't let ur Mother get away from u.... Happy Mother's Day.</b><br /><br />แม่เปรียบเสมือนพระเจ้า แม่เปรียบเสมือนความรักอันยิ่งใหญ่ แม่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราชนะ แม่เป็นผู้ชี้นำทางให้เราได้ก้าวไปอย่างเหมาะสม และอีกมากมาย รักแม่ให้มากๆ อย่าปล่อยให้แม่ไปจากคุณ สุขสันต์วันแม่ครับทุกคน</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>Mothers are the place where love emerges from the earth,and happiness rings out like bells in honor of our birth. Mothers are the sun that lights for life our inner sky, so we may know that we are loved and need not question why.</b><br /><br />แม่คือที่ที่ให้ความรัก เปรียบดั่งระฆังที่ดังให้เกียรติ์กับการเกิดของเรา แม่เปรียบได้กับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างให้กับชีวิตของเรา ฉนั้นเราจะรู้ว่าเรารัก แต่อย่าถามว่าทำไม</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>Mothers are the moon that shines upon our black despair,so even when we weep, we know that someone's always there.</b><br /><br />แม่เปรียบเสมือนแสงสว่างของดวงจันทร์ในยามที่เราหมดหวัง หากเราร้องไห้ ให้เรารู้ว่าคนที่อยู่ข้างกายเราก็คือแม่</li>
</ul>
<br />
<ul>
<li><b>Wonderful Mother. God made a wonderful mother, A mother who never grows old; He made her smile of the sunshine, And He moulded her heart of pure gold; In her eyes He placed bright shining stars, In her cheeks fair roses you see; God made a wonderful mother, And He gave that dear mother to me.</b><br /><br />คุณแม่ที่ยอดเยี่ยม พระเจ้าได้สร้างแม่ที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา คุณแม่ที่ไม่เคยแก่ พระเจ้าได้สร้างรอยยิ้มท่ามกลางทอแสง พระองค์ทรงทำแม่พิมพ์หัวใจของแม่ด้วยทองคำบริสุทธิ์ ในตาของแม่ พระองค์ได้วางดวงดาวที่ทองแสงสดใส ที่คางของแม่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ นี่คือสิ่งที่ประเจ้าทรงสร้างและประทานให้แก่ฉัน</li>
</ul>
สำหรับกลอนดีๆ อย่าง <i>กลอนวันแม่ภาษาอังกฤษ (Mother's Day Poem) </i>ยังมีอีกเยอะครับ คงจะอ่านกันจนตาลายเลย แต่ยังไงก็อย่าลืมดอกมะลิสักดอกสำหรับไหว้คุณแม่นะครับ
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<div class="fb-like" data-action="like" data-href="http://english-jojosung.blogspot.com/2011/07/blog-post_22.html" data-layout="box_count" data-share="true" data-show-faces="true">
</div>
</div>
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com5ประเทศไทย15.870032 100.9925410000000715.870032 100.99254100000007 15.870032 100.99254100000007tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-69089959161690084642014-07-21T06:39:00.000+07:002014-08-08T13:21:51.660+07:00เรียนภาษาที่อังกฤษจากประสบการณ์ <b>เรียนภาษาที่อังกฤษ</b> อยากนำมาแชร์ให้เพื่อนๆฟังครับว่าเป็นอย่างไร ได้ประสบการณ์ที่ดีอะไรมา เป็นอยู่อย่างไร ยากไหม เป็นคำถามยอดฮิตเลยทีเดียว ลองมาดูกันครับ<br />
<br />
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมชื่อโจ้ ได้มาที่นี่เพราะไอโฮส ถามว่ามาที่นี่ได้ไงเพราะว่าผมได้เลือกไอโฮส สาขาจันทบุรี ซึ่งเอเจ้นผมก็คือคุณตาลกับคุณนุ๊กเค้าได้พาผมมา ซึ่งผมสนใจที่จะมาเรียนภาษาที่ประเทศอังกฤษ และผมก็คิดว่าทุกๆคนอาจจะอยากมาที่นี่ด้วยนะครับ<br />
<br />
<u></u>
<u><b>ตอนนี้ที่อังกฤษเป็นอย่างไรบ้าง</b></u><br />
ที่นี่ดี อยู่ง่าย อยู่สะบาย ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าคนไหนคิดว่ายากก็อย่ามาครับดีที่สุด 555 จะได้ไม่เป็นภาระแก่ตนเองและคนอื่น<br /><br /><br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgr72b-_rg8pqh_uuIWoMFrQvK_227FZhrY7uMSDNj_3vCnChvXZ1suPc46UhcKE2BP1_gqwfAHmDds5-qJyXX9OFMK_aS2Df_a_t6yrlN5qfuxY3H9V-PrlaxvDMZS7zEtLZCKbkM4lTfc/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.png" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="เรียนภาษาที่อังกฤษ" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgr72b-_rg8pqh_uuIWoMFrQvK_227FZhrY7uMSDNj_3vCnChvXZ1suPc46UhcKE2BP1_gqwfAHmDds5-qJyXX9OFMK_aS2Df_a_t6yrlN5qfuxY3H9V-PrlaxvDMZS7zEtLZCKbkM4lTfc/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9.png" height="192" title="เรียนภาษาที่อังกฤษ" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">เรียนภาษาที่อังกฤษ ไม่ยากอยากที่คิด</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<u><b>ไปไหนมาไหนคล่องรึยัง</b></u><br />
การเดินทางที่นี่ง่าย เราสามารถใช้บัตรอะไรก็ได้ จะเป็นบัตรเครดิตของคุณก็ได้หรือใช้หนังสือนำเที่ยวเพื่อได้รู้ว่าคุณอยากไปไหน โดยสามารถใช้ Travel card ได้ มีทั้งแบบ Day Travel หรือ oyster card ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ครับมีทั้งแบบหมดอายุ และไม่มีวันหมดอายุ โดยมีรูปหน้าของตนเองสามารถลดได้ 30% จะนักศึกษา หรือคนทำงานก็ทำได้หมด น่าสนใจมากเลยทีเดียว<br />
<br />
<u><b>ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร</b></u><br />
จะเป็นบ้านครับ มีตู้มีเครื่องใช้ เตียง ทีวี สำหรับใครที่ชอบดูบอล ดูได้สะบายเลย และสามารถทำอะไรก็ได้ครับตามวีซ่าที่ได้มา เช่น ทำงาน แต่ของผมทำไม่ได้ ที่นี่ร้านอาหารไทยเยอะ ไม่ต้องห่วงไม่ต้องกลัวตกงาน เค้าเห็นคุณเป็นคนไทยเขาก็รับแล้วครับ แต่ก็อยู่ที่มารยาทและการใช้ภาษาของคุณด้วย การใช้ภาษาที่นี่จะผิดแผลกออกไป ยังมียศ ยังมีขุน มีนาย มีลำดับ พื้นที่ต้องห้ามสำหรับเจ้าขุนมูลนายต่างๆ<br />
<br />
<u><b>ที่อังกฤษเรียนอย่างไร</b></u><br />
สถาบันที่ผมเรียนคือ แอลพีซี่ ที่ลอนดอน ดีมาก เพอเฟค คนไทยขาดเรื่องอะไร คนไทยยังขาดเรื่อง Co-location ครับ สำคัญมาก ถ้าเกิดไม่รู้ก็พูดแบบงูๆปลาๆ พูดไปเรื่อย เขาฟังเข้าใจได้แต่คำศัพท์แต่ประโยคเพี้ยน สำคัญอีกอย่างก็คือ Pronunciation มาดูกันครับเป็นอย่างไร มันคือโฟเนติก ทำไมจะต้องมีเพราะเมืองไทยไม่มีใครสอน อาจมีสอนซัก 20% ส่วนใหญ่คนไทยมักไม่ค่อยสนใจ แต่มันสำคัญมาก โฟเนติกมีหลายอย่าง มีทั้งเยอรมัน ลาติน ฝรั่งเศส เยอะครับ มันเป็นเสียงในการสะกดคำ<br />
<u><br /></u>
<u><b>สิ่งที่จะฝากถึงเพื่อนๆที่จะมา</b></u><br />
ที่นี่สะบายใจได้นะครับ หนังสือพิมพ์ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องกลัวว่าจะตกข่าว ที่นี่แจกฟรี ไม่มีใครจับคุณหรอกหยิบได้เลย บ้านเมืองเค้าเสรี ที่สำคัญอันนี้ขาดไม่ได้เลยคือ แผนที่รถไฟใต้ดิน ขาดไปก็ดีนะผมว่า เราจะได้ใช้ภาษาในการถาม 555 ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้ในการพูดอย่างยิ่ง ที่นี่อะไรสำคัญกับตัวเรา ID Card, ATM, Credit Card ห้ามหาย บัตรประชาชนหากไม่พก ไม่สามารถซื้ออะไรได้นะครับ ทำไมถึงซื้ออะไรไม่ได้เพราะเราเป็นเอเชียหน้าอ่อน 555 เขาไม่เชื่อว่าเราอายุเยอะ ต้องทำใจเพราะเราเป็นเอเชียเขาจะเช็คเยอะนิดนึง ส่วนหนังสือเดินทางก็เก็บไว้ที่พักนะครับเดี๋ยวหาย<br />
<br />
ไอโฮส ดีสุดยอดครับที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ได้ บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส คุยง่าย รู้เรื่อง ไม่ซีเรียสไม่มีเครียด ถามอะไรตอบหมด บางอย่างต้องมาอยู่ที่นี่เองถึงจะรู้เพราะเขาไม่ได้อยู่ด้วยตลอด 24 ชั่วโมง เราต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด จากที่พูดไปคือ Pronunciation, Co-location ตัวต่อมาที่สำคัญคือ Vocabulary ครับ เพราะอเมริกาและอังกฤษเขาใช้ไม่เหมือนกัน ถ้าพูดไปเขาจะไม่เข้าใจ ผมว่าเขาเข้าใจแหละแต่เค้ากวน เค้าก็จะ What? อ้าว ที่เราเรียนมานี่มันไม่ถูกหรือ<br />
<br />
ความคิดผมนะ อยู่เมืองนอกสะบายกว่าเมืองไทย เพราะไม่มีใครรู้จักเรา แต่กฎหมายเขาแรงมาก ที่นี่ข้ามถนนต้องกดสวิทต่างกับบ้านเราเยอะที่อยากข้ามก็ข้าม อยากกระโดดก็กระโดด แหล่งเสื่อมโทรมที่นี่ก็มีนะ ที่ไหนเจริญก็ต้องมีแหล่งเสื่อมโทรมเป็นธรรมดา<br />
<br />
ต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์นะครับที่ให้ผมมาอยู่ที่นี่ ซึ่งตัวผมไม่ได้จบอินเตอร์ แต่ผมสามารถดำเนินชีวิตที่นี่ได้ ผมมีความสุขแล้วครับ <br />
<br />
คอร์สำหรับ เรียนภาษาที่อังกฤษ จะเป็นในช่วงซัมเมอร์ หากกำลังดูข้อมูลการเรียนภาษาที่อังกฤษอยู่แล้วหล่ะก็ ลองดูตามนี้เลยครับ บอกชื่อสถาบันที่ทำการสอนด้วย เผื่อบางคนจะเป็นตัวเลือกในการเรียนครับ<br />
<br />
EF Education First สอนหลักสูตร Intensive ระยะเวลาเรียน 1,3 และ 6 เดือน ราคาก็ 65,000 , 190,000 และ 309,000 ตามลำดับ<br />
<br />
London Study Centre สอนทั้งหมด 4 หลักสูตร คือ Diploma in Hotel Management, Diploma in Tourism Management, Diploma in Business Management และ Diploma in Human Resource Management ระยะเวลาทุกหลักสูตรคือ 8 เดือน ราคาอยู่ที่ 147,500 147,500 167,250 และ 167,250 ตามลำดับ<br />
<br />
ทำไมต้องเลือกเรียนที่ประเทศอังกฤษ หลายๆคนคงจะตั้งตำถามในใจไว้นะครับ ก็เพราะว่า ประเทศอังกฤษเป็นต้นกำเนิดของภาษาอังกฤษ ถ้าได้มีโอกาสมาเรียนที่นี่ ก็หมายความว่า จะได้เรียนภาษาอังกฤษจากต้นฉบับนั่นเอง ซึ่งสามารถเลือกเรียนหลักสูตรที่ตนเองคิดว่าน่าจะทำได้ได้เลย<br />
<br />
และที่สำคัญคือ ตัวคุณเองจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อม และถูกห้อมล้อมด้วยเจ้าของภาษา เปรียบเสมือนว่าบังคับให้เราต้องฝึก ต้องพูด ซึ่งเป็นการกระตุ้นตัวเราเองได้ดีเลยทีเดียว และคุณซึมซับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมของอังกฤษไปด้วยอย่างดีเลยทีเดียว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะก้าวขึ้นเรียนในระดับที่สูงขึ้นต่อไป<br />
<br />
หลักสูตรไหนถึงจะเหมาะสมกับตนเอง คงตั้งเป็นคำถามที่ 2 ไว้แล้วนะครับ มีหลักสูตรมากมายที่สามารถเรียนได้ เช่น หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป หลักสูตรเตรียมสอบ IELTS/TOEFL หลักสูตรเคมบริดจ์ หลักสูตรเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย หลักสูตรภาษาอังกฤษเฉพาะทาง และหลักสูตรภาษาอังกฤษช่วงปิดภาคเรียน<br />
<br />
ระยะเวลาของหลักสูตรมีตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงหนึ่งปี ขึ้นอยู่กับเนื้อหาและระดับที่คุณต้องการจะเรียน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรใดหรือระดับใด ก็จะพบว่าการเรียนการสอนที่อังกฤษสามารถนำไปใช้ได้จริง<br />
<br />
คงช่วยให้หลายๆคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ และต้องการ <i>เรียนภาษาที่อังกฤษ</i> ได้แนวทางในการตัดสินใจนะครับ จากราคาที่ได้นำเสนอไป หรืออาจสอบถามโดยตรง ก็ลองเลือกดูกันเอาครับ โชคดีกับการเรียนภาษาอังกฤษนะครับJOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comประเทศไทย15.870032 100.9925410000000715.870032 100.99254100000007 15.870032 100.99254100000007tag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-39781788599511230512014-07-18T11:30:00.000+07:002014-07-20T11:00:50.596+07:00ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 15 (Grammar Vol.15)Do you want to pay with a check? No. I want to pay with cash.<br>
คุณต้องการจ่ายด้วยเช็คใช่ไหม. ไม่ใช่ ฉันต้องการจ่ายด้วยเงินสด<br>
<br>
Do you want to pay with a credit card? No. I want to pay with a check.<br>
<span style="-webkit-text-size-adjust: auto; background-color: rgba(255, 255, 255, 0);">คุณต้องการจ่ายด้วยบัตรเครดิตใช่ไหม. ไม่ใช่ ฉันต้องการจ่ายด้วยเช็ค</span><br>
<span style="-webkit-text-size-adjust: auto; background-color: rgba(255, 255, 255, 0);"><br></span>
Do you want to pay with cash? No. I want to pay with a credit card.<br>
<span style="-webkit-text-size-adjust: auto; background-color: rgba(255, 255, 255, 0);">คุณต้องการจ่ายด้วยเงินสดใช่ไหม. ไม่ใช่ ฉันต้องการจ่ายด้วยบัตรเครดิต</span><br>
<span style="-webkit-text-size-adjust: auto; background-color: rgba(255, 255, 255, 0);"><br></span>
How much does the wooden chair cost? The wooden chair costs sixty pounds.<br>
เก้าอี้ไม้ราคาเท่าไหร่. เก้าอี้ไม้ราคา 60 ปอนด์<br>
<br>
How much does the plastic chair cost? The plastic chair costs four pounds.<br>
เก้าพลาสติกราคาเท่าไหร่. เก้าอี้พลาสติกราคา 4 ปอนด์<br>
<br>
This jewelry is expensive. This jewelry is inexpensive.<br>
เครื่องประดับชิ้นนี้ราคาแพง. เครื่องประดับชิ้นนี้ราคาไม่แพง<br>
<br>
This camera is expensive. This camera is inexpensive.<br>
กล้องถ่ายรูปอันนี้แพง. กล้องถ่ายรูปอันนี้ไม่แพง<div><br>
This dress is inexpensive. This dress is expensive.</div><div>เดรสชุดนี้ไม่แพง. เดรสชุดนี้แพง</div><div><br>
This car is inexpensive. This car is expensive.<br>
รถคันนี้ไม่แพง. รถคันนี้แพง</div><div><br>
These are fast. These are slow.</div><div><span style="font-family: 'Helvetica Neue Light', HelveticaNeue-Light, helvetica, arial, sans-serif;">สิ่งเหล่านี้เร็ว. สิ่งเหล่านี้ช้า</span></div><div><font face="Helvetica Neue Light, HelveticaNeue-Light, helvetica, arial, sans-serif"><br></font>
It is fast. It is slow.<br>เร็ว. ช้า</div><div><br>
This animal is fast. This animal is faster.<br>
สัตว์ตัวนี้เร็ว. สัตว์ตัวนี้เร็วกว่า</div><div><br>
This animal is slow. This animal is slower.<br>
สัตว์ตัวนี้ช้า. สัตว์ตัวนี้ช้ากว่า</div><div><br>
My books are heavy. His books are heavier.<br>
หนังสือของฉันหนัก. หนังสือของเขาหนักกว่า</div><div><br>
A plastic bowl is light. A plastic bowl is lighter.<br>
ชามพลาสติกนี้เบา. ชามพลาสติกนี้เบากว่า</div><div><br>
This camera is small. This camera is smaller. This camera is smallest.<br>
กล้องถ่ายรูปอันนี้เล็ก. กล้องถ่ายรูปอันนี้เล็กกว่า. กล้องถ่ายรูปอันนี้เล็กที่สุด</div><div><br>
This house is big. This house is bigger. This house is biggest.<br>
บ้านหลังนี้ใหญ่. บ้านหลังนี้ใหญ่กว่า. บ้านหลังนี้ใหญ่ที่สุด</div><div><br>
My daughter is young. My daughter is younger. My daughter is the youngest.<br>
ลูกสาวของฉันเด็ก. ลูกสาวของฉันเด็กกว่า. ลูกสาวของฉันเด็กที่สุด</div><div><br>
My father is old. My father is older. My father is the oldest.<br>
พ่อของฉันแก่. พ่อของฉันแก่กว่า. พ่อของฉันแก่ที่สุด</div><div><br>
My house is big. My house is bigger than your house.<br>
บ้านของฉันหลังใหญ่. บ้านของฉันใหญ่กว่าบ้านของคุณ</div><div><br>
My computer is small. My computer is smaller than your computer.<br>
คอมพิวเตอร์ของฉันเล็ก. คอมพิวเตอร์ของฉันเล็กกว่าคอมพิวเตอร์ของคุณ</div><div><br>
This camera is expensive. This camera is more expensive. This camera is the most expensive.<br>
กล้องตัวนี้แพง. กล้องตัวนี้แพงกว่า. กล้องตัวนี้แพงที่สุด</div><div><br>
This jewelry is expensive. This jewelry is more expensive. This jewelry is the most expensive.<br>
เครื่องประดับชิ้นนี้แพง. เครื่องประดับชิ้นนี้แพงกว่า. เครื่องประดับชิ้นนี้แพงที่สุด</div><div><br></div>JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-37672393418598231012014-07-16T09:48:00.000+07:002014-08-08T05:50:15.823+07:00คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 1 (ผู้ชายและผู้หญิง) <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
สำหรับคำศัพท์ภาษาอังกฤษในชุดที่ 1 จะพูดถึงคำนามที่เป็นเอกพจน์ (หนึ่ง) พหูพจน์ (มากกว่าหนึ่ง) โดยการยกตัวอย่างจากการเรียกเพศชายหรือเพศหญิง ที่เป็นเอกพจน์และพหูพจน์นั้น จะเรียกอย่างไร และมีคำอีกชุดที่ใช้เรียกแทนคำนามเอกพจน์ และคำนามพหูพจน์ โดยจะยกตัวอย่างง่ายๆ จดจำได้ไม่ยาก พร้อมทั้งสอดแทรกแบบฝึกหัดให้เติมคำ สามารถดูเฉลยได้ที่ท้ายบทความครับ ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้ครับ<br />
<ul>
<li>ก่อนอื่นเราเริ่มต้นกันด้วยการทักทายก่อนนะครับ การทักทายของฝรั่งเมื่อเจอกันจะใช้คำว่า "Hello" หากต้องการกล่าวลาจะพูดอย่างไร เติมคำในช่องว่างให้ถูกต้องนะครับ <br /><br />Hello = สวัสดี (1) _______ = ลาก่อน, โชคดีนะ<br /><a name='more'></a></li>
<li>การเรียกคนที่เป็นเพศชาย หรือเพศหญิง ซึ่งในภาษาอังกฤษจะจำแนกเป็น เด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง ผู้ชาย และผู้หญิง ตัวอย่างต่อไปนี้ จะหมายถึง คน 1 คน ซึ่งเรียกว่าคำนามเอกพจน์<br /><br />(2) ______ = เด็กผู้หญิง, a boy = เด็กผู้ชาย<br />a woman = ผู้หญิง, a man = (3) ______<br /><br /><br /></li>
<li>หากมีมากกว่า 1 คน หล่ะ จะเรียกอย่างไร คำเหล่านี้ เรียกว่าคำนามพหูพจน์ครับ <br /><br />women = ผู้หญิงหลายคน, men = ผู้ชายหลายคน<br />girls = เด็กผู้หญิงหลายคน, (4) ______ = เด็กผู้ชายหลายคน<br /><br /></li>
</ul>
<div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiDoDC-ydhMpxRvW80i0mV8JhfuS6GDz4FLcSEGWmmctMZX3omG6kVku_lq6wPAf8RwNCXwHrLQ9NNXs3ZUrlRpWjWVMHHCwNcdZrC9eKPwxmJ7xWv4KSSLvMLtX1DdjOgzsnTf-8rY_gZR/s1600/Vocabulary+Vol.1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiDoDC-ydhMpxRvW80i0mV8JhfuS6GDz4FLcSEGWmmctMZX3omG6kVku_lq6wPAf8RwNCXwHrLQ9NNXs3ZUrlRpWjWVMHHCwNcdZrC9eKPwxmJ7xWv4KSSLvMLtX1DdjOgzsnTf-8rY_gZR/s1600/Vocabulary+Vol.1.jpg" height="311" title="คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 1" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 1<br />
<br /></td></tr>
</tbody></table>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
</div>
<ul>
<li>เราได้รู้จักกับคำนามเหล่านั้นกันแล้ว คือ เด็กผู้ชาย เด็กผู้หญิง ผู้ชาย และผู้หญิง ซึ่งเป็นคำนามเอกพจน์และพหูพจน์ ลืมกันหรือยังครับ ยกตัวอย่าง คำนามเอกพจน์คือ boy คำนามพหูพจน์ก็คือ boys มาดูกันครับว่าเราจะใช้คำนามเหล่านี้มาแต่งในรูปประโยคได้อย่างไร<br /><div style="text-align: left;">
<span style="text-align: center;"><br />The boy is running. = เด็กผู้ชายกำลังวิ่ง </span><br />
The boys are reading. = พวกเด็กผู้ชายกำลังอ่าน<br />
The boys are eating. = พวกเด็กผู้ชายกำลังกิน<br />
(5) __________ = เด็กผู้ชายกำลังดื่ม<br />
<br /></div>
</li>
<li>จากที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า เรายังมีคำอีกจำพวกหนึ่งที่ใช้เรียกแทนคำนาม นั่นคือ "คำสรรพนาม" ยกตัวอย่างคำนาม เช่น boy คำสรรพนามที่ใช้แทน boy คือ he พอจะเข้าใจคร่าวๆแล้วนะครับ การนำมาแต่งในรูปของประโยคก็คล้ายกันกับคำนาม ดูตัวอย่างต่อไปนี้ครับ<br /><br />He is running. = เขากำลังวิ่ง<br />She is drinking. = (6) __________<br />She is reading. = เธอกำลังอ่าน<br />He is eating. = เขากำลังกิน<br />(7) __________ = เขากำลังเขียน<br />She is writing. = เธอกำลังเขียน<br />The child is running. = เด็กคนนั้นกำลังวิ่ง<br />(8) __________ = ผู้ใหญ่คนนั้นกำลังอ่าน<br /><br /><br /></li>
<li>สำหรับคำนามพหูพจน์ อย่างเช่น men หรือ women คำสรรพนามที่ใช้แทนได้คือ they ดังตัวอย่างต่อไปนี้<br /><br />They are cooking. = พวกเขากำลังทำอาหาร<br />(9) __________ = พวกเขากำลังว่ายน้ำ<br />They are writing. = พวกเขากำลังเขียน<br />(10) __________ = พวกผู้ใหญ่กำลังอ่าน<br />The children are running. = พวกเด็กๆกำลังวิ่ง</li>
</ul>
<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 15px; line-height: 20.790000915527344px;"> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/p/blog-page_9.html" target="_blank">เฉลยคำตอบ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Vocabulary Answer)</a></span><br />
<br />
<b> คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดอื่นๆ : <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-1.html">1</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-2.html">2</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-3.html">3</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-4.html">4</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-5.html">5</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-6.html">6</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-7.html">7</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-8.html">8</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-9.html">9</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-10.html">10</a></b><br />
<br /></div>
JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-75721462528220931022014-07-16T09:13:00.002+07:002014-07-20T14:04:55.361+07:00ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 14 (Grammar Vol.14)The man likes golf. The boy doesn't like tennis.<div>ผู้ชายชอบเล่นกอล์ฟ. เด็กผู้ชายไม่ชอบเล่นเทนนิส</div><div><br>
The woman likes tea. The girl doesn't like red shoes.</div><div>ผู้หญิงชอบน้ำชา. เด็กผู้หญิงไม่ชอบรองเท้าสีแดง<br>
<br>
He likes oranges. He doesn't like oranges. He likes this concert.<br>
เขาชอบส้ม. เจาไม่ชอบส้ม. เขาชอบคอนเสิร์ตนี้</div><div><br>
What do you like to do? I like to play soccer.<br>
คุณชอบอะไร. ฉันชอบเล่นฟุตบอล</div><div><br>
What do you like to do? I like to read.</div><div>คุณชอบอะไร. ฉันชอบอ่านหนังสือ<br>
<br>
The boy has more juice than his mother.</div><div>เด็กผู้ชายมีน้ำผลไม้มากกว่าแม่ของเขา</div><div><br>
The girl has more oranges than her mother.</div><div>เด็กผู้หญิงมีส้มมากกว่าแม่ของเขา</div><div><br>
The teacher has more books than the student.</div><div>ครูมีหนังสือมากกว่าเด็กนักเรียน</div><div><br>
The girl has more cake than her father.<br>
เด็กผู้หญิงมีเค้กมากกว่าพ่อของเขา</div><div><br>
Who is wearing a blue T-shirt? Which T-shirt is red?</div><div>ใครสวมเสื้อยืดสีฟ้า. เสื้อยืดสีแดงคือตัวไหน</div><div><br>
Who is playing golf? Which ball is white?</div><div>ใครกำลังเล่นกอล์ฟ. บอลสีขาวคือลูกไหน</div><div><br>
Who is wearing sunglasses? Which sunglasses are pink?<br>
ใครสวมแว่นกันแดด. แว่นกันแดดสีชมพูคืออันไหน</div><div><br>
How much do the carrots cost? The carrots cost three dollars.<br>
แครอทราคาเท่าไหร่. แครอทราคา 3 ดอลล่า</div><div><br>
How much does the tea cost? The tea costs two euros.<br>
น้ำชาราคาเท่าไหร่. น้ำชาราคา 2 ยูโร</div><div><br>
How much does a movie ticket cost? A movie ticket costs nine pounds.<br>
ตั๋วหนังราคาเท่าไหร่. ตั๋วหนังราคา 9 ปอนด์</div><div><br>
The blue pants cost more than the green pants.</div><div>กางเกงสีฟ้าราคาสูงกว่ากางเกงสีเขียว</div><div><br>
The purple bicycle costs less than the yellow bicycle.</div><div>จักรยานสีม่วงราคาน้อยกว่าจักรยานสีเหลือง</div><div><br>
The black phone costs more than the white phone.</div><div>โทรศัพท์สีดำราคามากกว่าโทรศัพท์สีขาว</div><div><br>
The black glasses cost less than the red glasses.<br>
แว่นสีดำราคาน้อยกว่าแว่นสีแดง</div><div><br>
What do you like to do? I like to play soccer.<br>
คุณชอบอะไร. ฉันชอบเล่นฟุตบอล</div><div><br>
Which shoes do you like? I like the black shoes.<br>
คุณชอบรองเท้าคู่ไหน. ฉันชอบรองเท้าคู่สีดำ</div><div><br>
How much do they cost? <span style="font-family: 'Helvetica Neue Light', HelveticaNeue-Light, helvetica, arial, sans-serif;">They cost sixty euros.</span></div><div>
พวกเขาราคาเท่าไหร่. พวกเขาราคา 60 ยูโร</div><div><br></div>JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-76215760627555370142014-07-15T09:48:00.000+07:002014-08-07T16:46:21.527+07:00คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 2 (หนึ่งสิ่งและหลายสิ่ง) a sandwich = แซนวิส 1 คู่<br />
an egg = ไข่ 1 ฟอง<br />
(1)______ = แอปเปิ้ล 1 ผล<br />
a dog = สุนัข 1 ตัว<br />
a cat = แมว 1 ตัว<br />
a horse = ม้า 1 ตัว<br />
a car = รถ 1 คัน<br />
a newspaper = (2) ________<br />
a bicycle = จักรยาน 1 คัน<br />
a child = เด็ก 1 คน<br />
(3) ______ = ผู้ใหญ่ 1 คน<br />
a man and a woman = ผู้ชายและผู้หญิง อย่างละคน<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgTBw2RAwza1Yuxvs66O7yPKyTrlw9nIreoZ-qZEHg5s2aD5WWujgdTV-1AYXwmQ52rajtflP1cu2Wux2ZfhxptEDqHk9rY92kDgciTqXLt-q6Zvy4sCFwes1KK_NwHk_xbLGCmcWRiAhd/s1600/Vocabulary+Vol.2.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjgTBw2RAwza1Yuxvs66O7yPKyTrlw9nIreoZ-qZEHg5s2aD5WWujgdTV-1AYXwmQ52rajtflP1cu2Wux2ZfhxptEDqHk9rY92kDgciTqXLt-q6Zvy4sCFwes1KK_NwHk_xbLGCmcWRiAhd/s1600/Vocabulary+Vol.2.jpg" height="194" width="200" /></a> (4) _______ = แซนวิสหลายชิ้น<br />
eggs = ไข่หลายฟอง<br />
apples = แอปเปิ้ลหลายผล<br />
dogs = สุนัขหลายตัว<br />
cats = แมวหลายตัว<br />
horses = ม้าหลายตัว<br />
cars = รถหลายคัน<br />
newspapers = หนังสือพิมพ์หลายฉบับ<br />
bicycles = จักรยานหลายคัน<br />
(5) _______ = เด็กๆหลายคน<br />
adults = ผู้ใหญ่หลายคน<br />
men and women = ผู้ชายและผู้หญิงหลายคน<br />
<br />
(6) ___________ = ผู้หญิงคนนั้นกำลังขับรถ<br />
The girl is walking. = เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังเดิน<br />
The man is driving a car. = ผู้ชายคนนั้นกำลังขับรถ<br />
The boy is walking. = เด็กผู้ชายคนนั้นกำลังเดิน<br />
<br />
She has a fish. = (7) __________<br />
<br />
The boy is not driving. = เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้ขับรถ<br />
(8) ____________ = เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ขับรถ<br />
The woman is driving. = ผู้หญิงคนนั้นขับรถ<br />
The man is driving. = ผู้ชายคนนั้นขับรถ<br />
<br />
What is this? = นี่คืออะไร<br />
(9) _________ = นี่คือรถ 1 คัน<br />
<br />
Is he eating an apple? = เขากำลังกินแอปเปิ้ลใช่ไหม<br />
No. = ไม่ใช่<br />
<br />
They have pens. = พวกเขามีปากกาหลายด้าม<br />
(10) _________ = เขามีหนังสือหลายเล่ม<br />
<br />
<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/p/blog-page_9.html" style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 15px; line-height: 20.790000915527344px;" target="_blank">เฉลยคำตอบ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Vocabulary Answer)</a><br />
<br />
<b> ชุดอื่นๆ : <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-1.html">1</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-2.html">2</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-3.html">3</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-4.html">4</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-5.html">5</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-6.html">6</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-7.html">7</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-8.html">8</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-9.html">9</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-10.html">10</a></b><br />
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-62273628371641100452014-07-15T06:25:00.001+07:002014-07-20T14:35:45.242+07:00ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 13 (Grammar Vol.13)He needs a ladder. He needs a towel.<div>เขาต้องการบันได. เขาต้องการผ้าเช็ดตัว</div><div><br>
She needs soap. She needs sunglasses.<br>
เธอต้องการสบู่. เธอต้องการแว่นกันแดด</div><div><br>
He needs money. She has money.</div><div>เขาต้องการเงิน. เธอต้องการเงิน</div><div><br>
He needs an umbrella. She has an umbrella.<br>
เขาต้องการร่ม. เธอต้องการร่ม</div><div><br>
He's buying clothes. She's buying toys.</div><div>เขากำลังซื้อเสื้อผ้า. เธอกำลังซื้อของเล่น</div><div><br>
They're buying vegetables. He sells fruit.</div><div>พวกเขากำลังซื้อผัก. เขาขายผลไม้</div><div><br>
He sells cars. She sells vegetables.<br>เขาขายรถยนต์. เธอขายผัก</div><div><br>
an old television = ทีวีเครื่องเก่า</div><div>a new television = ทีวีเครื่องใหม่<br>
an old phone = โทรศัพท์เครื่องเก่า<br>
a new phone = โทรศัพท์เครื่องใหม่<br>
<br>
She's selling an old hat. She's selling an old car.</div><div>เธอกำลังขายหมวกเก่า. เธอกำลังขายรถคันเก่า</div><div><br></div><div>
I'm selling a new umbrella. I'm selling a new car.<br>
ฉันกำลังขายร่มอันใหม่. ฉันกำลังขายรถคันใหม่</div><div><br>
Excuse me. Where is the grocery store?<br>
The grocery store is near the bridge.<br>
ขอโทษครับ. ร้านขายของอยู่ที่ไหน. ร้านขายของอยู่ใกล้สะพาน</div><div><br>
Excuse me. Where is the bakery? The bakery is on Pine Street.<br>
ขอโทษครับ. ร้านแบเกอรี่อยู่ที่ไหน. ร้านแบเกอรี่อยู่ที่ถนนไพม์สตรีท</div><div><br>
She wants jewelry, but she doesn't need it.</div><div>เธอต้องการเครื่องประดับ แต่เธอไม่จำเป็นต้องใช้มัน</div><div><br>
He wants cake, but he doesn't need it.</div><div>เขาต้องการเค้ก แต่เขาไม่จำเป็นต้องกินมัน</div><div><br>
She needs glasses, but she doesn't want them.</div><div>เธอต้องการแว่น แต่เธอไม่จำเป็นต้องใช้มัน</div><div><br>
He needs medicine, but he doesn't want it.<br>
เขาจำเป็นต้องใช้ยา แต่เขาไม่ต้องการมัน</div><div><br>
Excuse me. It this the pharmacy? No. This is the bookstore. The pharmacy is on Elm Street.<br>
ขอโทษครับ นี่คือร้านขายยาใช่ไหม ไม่ใช่ นี่คือร้านขายหนังสือ ร้านขายยาอยู่ถนนอามสตรีท</div><div><br>
Excuse me. Is this the bakery? No. This is the grocery store. The bakery is near the park.<br>
ขอโทษครับ นี่คือร้านแบเกอรี่ใช่ไหม ไม่ใช่ นี่คือร้านขายของ ร้านแบเกอรี่อยู่ใกล้สวนสาธารณะ</div><div><br>
Where is the hardware store? The hardware store is near the bookstore. </div><div>ร้านขายเครื่องมืออยู่ที่ไหน ร้านขายเครื่องมืออยู่ใกล้ร้านขายหนังสือ</div><div><br></div><div>What do you need? I need a new ladder.<br>
Why do you need a new ladder? Because an old ladder is broken.<br>
คุณต้องการอะไร ฉันต้องการบันไดอันใหม่ ทำไมคุณถึงต้องการบันไดอันใหม่ เพราะว่าอันเก่ามันแตก</div><div><br></div>JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-66530291405288297172014-07-14T14:32:00.002+07:002014-07-27T13:43:39.692+07:00ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 12 (Grammar Vol.12)The man is waking up. The woman is waking up.<br>
ผู้ชายกำลังตื่น. ผู้หญิงกำลังตื่น<div><br>
The woman is waking up the girl. The man is waking up the boy.<br>
ผู้หญิงกำลังปลุกเด็กผู้หญิง. ผู้ชายกำลังปลุกเด็กผู้ชาย</div><div><br>
The boy is waking up. The husband is waking up his wife.<br>
เด็กผู้ชายกำลังตื่น. สามีกำลังปลุกภรรยาของเขา</div><div><br>
The man is waking up his friend. The girl is waking up.<br>
ผู้ชายกำลังปลุกเพื่อนของเขา. เด็กผู้หญิงกำลังตื่น</div><div><br>
I'm washing my socks. They're washing their car.<br>
ฉันกำลังซักถุงเท้า. พวกเขากำลังล้างรถ</div><div><br>
She's washing her skirt. He's washing his T-shirt.<br>
เธอกำลังซักกระโปรง. เขากำลังซักเสื้อยืด</div><div><br>
Why are you washing your hands? I'm washing my hands because they're dirty.<br>
ทำไมคุณถึงล้างมือ. ฉันล้างมือเพราะมันสกปรก</div><div><br>
Why are you wearing a sweater? I'm wearing a sweater because I'm cold.<br>
ทำไมคุณถึงสวมเสื้อไหมพรม. ฉันสวมเสื้อไหมพรมเพราะฉันหนาว</div><div><br>
I wash my hands before lunch. I brush my teeth after breakfast. I drink coffee after dinner.<br>
ฉันล้างมือก่อนทานอาหารเที่ยง. ฉันแปลงฟันหลังทานอาหารเช้า. ฉันดื่มกาแฟหลังอาหารเย็น</div><div><br>
I'm under the blanket. The sheet is on the bed. The cat is on the pillow. The towel is in the bathroom.<br>ฉันอยู่ใต้เตียง. ผ้าปูที่นอนอยู่บนเตียง. แมวอยู่บนหมอน. ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำ</div><div><br>
Why does the dog smell bad? Because It's dirty and wet.<br>
ทำไมสุนัขของคุณถึงกลิ่นแรง. เพราะมันสกปรกและเปียก</div><div><br>
Why do the sheets smell good? Because they're clean.<br>
ทำไมผ้าปูที่นอนถึงกลิ่นหอม. เพราะมันสะอาด</div><div><br>
Why are the people in the dining room? Because they're eating dinner.<br>
ทำไมผู้คนอยู่ในห้องอาหาร. เพราะพวกเขากำลังทานอาหารเย็น</div><div><br>
Why are the people in the living room? Because They're watching television.<br>
ทำไมคนถึงอยู่ที่ห้องนั่งเล่น. เพราะพวกเขากำลังดูทีวี</div><div><br>
How many flowers are you buying? I'm buying nine flowers.<br>
คุณกำลังซื้อดอกไม้กี่ดอก. ฉันกำลังซื้อดอกไม้ 9 ดอก</div><div><br>
Why are you buying flowers? I'm buying flowers because I'm visiting my grandmother this afternoon.<br>
ทำไมคุณถึงซื้อดอกไม้. ฉันซื้อดอกไม้เพราะฉันจะไปเยี่ยมคุณยายบ่ายนี้</div><div><br>
Where does your grandmother live? She lives in New York.<br>
คุณยายของคุณอยู่ที่ไหน. เธออยู่ที่นิวส์ยอร์ค</div><div><br></div>JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-43577712322039547472014-07-14T08:55:00.000+07:002014-08-06T21:46:00.876+07:00คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 3 (Vocabulary Vol.3) Good bye ลาก่อน<br />
<div>
<br /></div>
<div>
(1) _____ = สีขาว<br />
green = สีเขียว<br />
red = สีแดง<br />
<br /></div>
<div>
</div>
<div>
black = สีดำ<br />
yellow = (2) ______<br />
blue = สีฟ้า<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBrLppaWNlm8bDi3WGtOGLfEXRjZxwDNXieSrYnKEa8BkieSCAY80jVLKlw4nMH8K6opTwBOhW5sCY1Yvmg6FXW9oRBHSwxNbhlTC2iLC5YZ0nEUSPuDgd_-mdT0YcmDkcsNa_BHLIPaE5/s1600/Vocabulary+Vol.3.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhBrLppaWNlm8bDi3WGtOGLfEXRjZxwDNXieSrYnKEa8BkieSCAY80jVLKlw4nMH8K6opTwBOhW5sCY1Yvmg6FXW9oRBHSwxNbhlTC2iLC5YZ0nEUSPuDgd_-mdT0YcmDkcsNa_BHLIPaE5/s1600/Vocabulary+Vol.3.jpg" height="194" width="200" /></a> It is blue. = มันมีสีฟ้า<br />
It is white. = มันมีสีขาว<br />
(3) ______ = มันมีสีแดง<br />
It is black. = มันมีสีดำ<br />
It is green. = มันมีสีเขียว<br />
<br />
The flower is red. = ดอกไม้สีแดง<br />
The sky is blue. = ท้องฟ้าสีฟ้า<br />
(4) __________ = หญ้าสีเขียว<br />
The sun is yellow. = พระอาทิตย์สีเหลือง<br />
The moon is white. = พระจันทร์สีขาว<br />
<br />
The dog is big. = สุนัขตัวนั้นตัวใหญ่<br />
The flowers are big. = ดอกไม้เหล่านั้นดอกใหญ่<br />
The flowers are small. = (5) _______________<br />
The dog is small. = สุนัขตัวนั้นตัวเล็ก<br />
<br />
She is a teacher. = เธอเป็นครู<br />
(6) _________ = เขาเป็นตำรวจ<br />
They are students. = พวกเขาคือนักเรียน<br />
He is a doctor. = เขาเป็นหมอ<br />
<br />
I am a woman. = ฉันเป็นผู้หญิง<br />
I am a man. = ฉันเป็นผู้ชาย<br />
I am a boy. = ฉันเป็นเด็กผู้ชาย<br />
(7) _______ = ฉันเป็นเด็กผู้หญิง<br />
<br />
I am a teacher. = ฉันเป็นครู<br />
(8) _________ = เราเป็นครู<br />
I am a girl. = ฉันเป็นเด็กผู้หญิง<br />
We are girls. = เราเป็นเด็กผู้หญิง<br />
<br />
What are you drinking? = คุณกำลังดื่มอะไร<br />
I am drinking water. = ฉันกำลังดื่มน้ำ<br />
<br />
(9) __________ = คุณกำลังกินอะไร<br />
I am eating rice. = ฉันกำลังกินข้าว<br />
<br />
What is the man doing? = ผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไร<br />
The man is cooking. = ผู้ชายคนนั้นกำลังทำอาหาร<br />
<br />
(10) ____________ = ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไร<br />
The woman is reading. = ผู้หญิงคนนั้นกำลังอ่าน<br />
<br />
What is the boy doing? = เด็กผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไร<br />
The boy is running. = เด็กผู้ชายคนนั้นกำลังวิ่ง<br />
<br />
<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/p/blog-page_9.html" style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 15px; line-height: 20.790000915527344px;" target="_blank">เฉลยคำตอบ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Vocabulary Answer)</a><br />
<br />
<b> ชุดอื่นๆ : <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-1.html">1</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-2.html">2</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-3.html">3</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-4.html">4</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-5.html">5</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-6.html">6</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-7.html">7</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-8.html">8</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-9.html">9</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-10.html">10</a></b><br />
<br /></div>
JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-71667776926698456122014-07-13T08:27:00.001+07:002014-07-27T13:47:37.672+07:00ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 11 (Grammar Vol.11)The man is reading Chinese. The woman is reading English.<div><br>
The boy is writing Arabic. The girl is writing Russian.<br>
<br>
He is reading Russian. He's reading Russian.</div><div><br>
He's speaking Russian. She is speaking English.</div><div><br>
She's speaking English. She's reading English.<br>
<br>
This man is from Australia. This woman is from Russia.</div><div><br>
This girl is from Japan. This bay is from the United Stats.<br>
<br>
I speak Chinese. I speak Arabic.</div><div><br>
I speak English. I speak Russian.<br>
<br>
Excuse me. Do you speak English? Yes, I speak English.<br>
<br>
Excuse me. Do you speak Russian? Yes, I speak Russian.<br>
<br>
How old are you? I'm forty-five years old.<br>
<br>
How old is he? He's thirty years old.<br>
<br>
How old are you? I'm thirty-five years old.<br>
<br>
How many plates do we have? We have twenty-four.<br>
<br>
How many bowls do we have? We have forty-five.<br>
<br>
How many guests are there?<br>
There are thirty.<br>
<br>
I'm teaching English.<br>
She's teaching Chinese.<br>
He's teaching the boys Arabic.<br>
She's teaching the girls Chinese.<br>
He's teaching the girls English.<br>
I'm studying Chinese.<br>
<br>
My name is Lin.<br>
My parents are from China.<br>
We live in New York.<br>
My parents don't speak English.<br>
I speak English.<br>
I'm studying Chinese and Russian.<br>
<br></div>JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-12036763553004074582014-07-13T05:53:00.000+07:002014-08-06T21:45:16.841+07:00คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 4 (Vocabulary Vol.4)<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<strike style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"></strike></div>
one = หนึ่ง<br />
two = สอง<br />
three = สาม<br />
(1) ____ = สี่<br />
five = ห้า<br />
six = หก<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikHaA8qZP76t448ASqPfQLVoQpiEe_sKkCwThyO0h8qU5DnxQfSGHSquIcVbAQZyVq8s0OSCC8aTYmO_gv0R3nmnIS4oxBnvISfc9iyGiE5SKsrZWDTnVhrbb_3FA5eEwUjGM3rsABHNI0/s1600/Vocabulary+Vol.4.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikHaA8qZP76t448ASqPfQLVoQpiEe_sKkCwThyO0h8qU5DnxQfSGHSquIcVbAQZyVq8s0OSCC8aTYmO_gv0R3nmnIS4oxBnvISfc9iyGiE5SKsrZWDTnVhrbb_3FA5eEwUjGM3rsABHNI0/s1600/Vocabulary+Vol.4.jpg" height="194" width="200" /></a> (2) ____________ = นั่นคือโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง<br />
There are three balls. = นั่นคือลูกบอล 3 ลูก<br />
There is one bed. = นั่นคือเตียง 1 หลัง<br />
There are four keys. = นั่นคือกุญแจ 4 ดอก<br />
<br />
There are four chairs. = นั่นคือเก้าอี้ 4 ตัว<br />
There is one cup. = (3) ____________<br />
There are two tables. = นั่นคือโต๊ะ 2 ตัว<br />
There are three cell phones. = นั่นคือโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง<br />
<br />
shoes = รองเท้า<br />
a shirt = เสื้อเชิร์ต<br />
(4) _______ = กางเกงขายาว<br />
a coat = เสื้อโคท<br />
a dress = ชุดเดรส<br />
a skirt = กระโปรง<br />
<br />
a blue shirt = เสื้อเชิร์ตสีฟ้า<br />
a red shirt = เสื้อเชิร์ตสีแดง<br />
(5) ________ = เสื้อยืดสีเขียว<br />
a yellow T-shirt = เสื้อยืดสีเหลือง<br />
Three plates are white. = จาน 3 ใบ สีขาว<br />
Four bowls are blue. = ชาม 4 ใบ สีฟ้า<br />
<br />
I am wearing a skirt. = ฉันกำลังสวมเสื้อเชิร์ต<br />
I am wearing pants. = ฉันกำลังสวมกางเกง<br />
I am buying a skirt. = (6) ______________<br />
I am buying pants. = ฉันกำลังซื้อกางเกงขายาว<br />
<br />
(7) ___________ = ใครสวมหมวก<br />
The woman has the hat. = ผู้หญิงคนนั้นสวมหมวก<br />
<br />
Who has the ball? = ใครมีลูกบอล<br />
The boy has the ball. = (8) ____________<br />
<br />
Who has the books? = ใครมีหนังสือ<br />
(9) ____________ = เด็กผู้หญิงเหล่านั้นมีหนังสือ<br />
<br />
Who has the newspaper? = (10) _____________<br />
The doctor has the newspaper. = คุณหมอคนนั้นมีหนังสือพิมพ์<br />
<br />
<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/p/blog-page_9.html" style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 15px; line-height: 20.790000915527344px;" target="_blank">เฉลยคำตอบ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Vocabulary Answer)</a><br />
<br />
<b> ชุดอื่นๆ : <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-1.html">1</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-2.html">2</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-3.html">3</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-4.html">4</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-5.html">5</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-6.html">6</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-7.html">7</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-8.html">8</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-9.html">9</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-10.html">10</a></b><br />
<br />
<!-- Blogger automated replacement: "https://images-blogger-opensocial.googleusercontent.com/gadgets/proxy?url=http%3A%2F%2F3.bp.blogspot.com%2F-Na2dzBl62_8%2FU5gII8QJu3I%2FAAAAAAAADiA%2FtavBWMLVniY%2Fs1600%2FVocabulary%2BVol.4.jpg&container=blogger&gadget=a&rewriteMime=image%2F*" with "https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikHaA8qZP76t448ASqPfQLVoQpiEe_sKkCwThyO0h8qU5DnxQfSGHSquIcVbAQZyVq8s0OSCC8aTYmO_gv0R3nmnIS4oxBnvISfc9iyGiE5SKsrZWDTnVhrbb_3FA5eEwUjGM3rsABHNI0/s1600/Vocabulary+Vol.4.jpg" -->JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3893666708351060352.post-25187149154093428102014-07-12T19:45:00.000+07:002014-08-06T21:44:34.555+07:00คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ชุดที่ 5 (Vocabulary Vol.5)(1) _______________ = พวกเขากำลังอ่านหนังสือของพวกเขา (หนังสือหลายเล่ม)<br />
She is reading her book. = เธอกำลังอ่านหนังสือของเธอ<br />
He is reading his book. = เขากำลังอ่านหนังสือของเขา<br />
They are eating their apples. = พวกเขากำลังกินแอปเปิ้ลของพวกเขา (แอปเปิ้ลหลายลูก)<br />
She is eating her apple. = เธอกำลังกินแอปเปิ้ลของเธอ<br />
He is eating his apple. = เขากำลังกินแอปเปิ้ลของเขา<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgY25UR7GsL9rtCnUWFe7a4tm9TxuGzdc80e09zFQCp_mHVG1Vf-Lq1SFREYNXuaHsQon_0S3SamEwDdC1ryBnkHcVvcpLOumvjHEkUqy5rsu5Huyk4rb_JhjHAyfdJV7ARxY6dTPXFahqK/s1600/Vocabulary+Vol.5.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgY25UR7GsL9rtCnUWFe7a4tm9TxuGzdc80e09zFQCp_mHVG1Vf-Lq1SFREYNXuaHsQon_0S3SamEwDdC1ryBnkHcVvcpLOumvjHEkUqy5rsu5Huyk4rb_JhjHAyfdJV7ARxY6dTPXFahqK/s1600/Vocabulary+Vol.5.jpg" height="194" width="200" /></a> a woman and her daughter = ผู้หญิงคนหนึ่งและลูกสาวของเธอ<br />
a family = ครอบครัว<br />
a man and his son = (2) _______________<br />
<br />
a family = ครอบครัว<br />
(3) _____________ = เด็กผู้ชายและพ่อของเขา<br />
a girl and her mother = เด็กผู้หญิงและแม่ของเธอ<br />
<br />
a girl and her parents = เด็กผู้หญิงและพ่อแม่ของเธอ<br />
a baby = เด็กทารก<br />
a woman and her husband = ผู้หญิงคนหนึ่งและสามีของเธอ<br />
(4) _________________ = เด็กผู้หญิง 2 คน และพ่อแม่ของพวกเขา<br />
<br />
parents and their sons = (5) _____________________<br />
a man and his wife = ผู้ชายคนหนึ่งและภรรยาของเขา<br />
(6) ____________ = พ่อและลูกสาวของเขา<br />
a woman and her children = ผู้หญิงคนหนึ่งและบรรดาเด็กๆของเธอ<br />
<br />
(7) _______________ = ผู้หญิงและแมวของเธอกำลังเล่น<br />
The father and his sons are playing. = พ่อและบรรดาลูกชายของเขากำลังเล่น<br />
The boy and his dog are playing. = (8) _______________________<br />
The mother and her daughter are playing. = แม่และลูกสาวของเธอกำลังเล่น<br />
<br />
seven babies = เด็กทารก 7 คน<br />
eight eggs = ไข่ 8 ฟอง<br />
nine apples = แอปเปิ้ล 9 ผล<br />
ten cups = ถ้วยกาแฟ 9 ใบ<br />
(9) ________ = ชาม 11 ใบ<br />
twelve balls = ลูกบอล 12 ลูก<br />
<br />
She is one year old. = เธออายุ 1 ปี<br />
She is two years old. = เธออายุ 2 ปี<br />
She is three years old. = เธออายุ 3 ปี<br />
She is four years old. = เธออายุ 4 ปี<br />
(10) _____________ = เธออายุ 5 ปี<br />
She is six years old. = เธออายุ 6 ปี<br />
She is seven years old. = เธออายุ 7 ปี<br />
She is eight years old. = เธออายุ 8 ปี<br />
<br />
<a href="http://english-jojosung.blogspot.com/p/blog-page_9.html" style="font-family: Arial, Tahoma, Helvetica, FreeSans, sans-serif; font-size: 15px; line-height: 20.790000915527344px;" target="_blank">เฉลยคำตอบ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (Vocabulary Answer)</a><br />
<br />
<b> ชุดอื่นๆ : <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-1.html">1</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/05/vocabulary-lesson-2.html">2</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-3.html">3</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-4.html">4</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-5.html">5</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-6.html">6</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-7.html">7</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-8.html">8</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-9.html">9</a> <a href="http://english-jojosung.blogspot.com/2014/06/vocabulary-lesson-10.html">10</a></b><br />
<br />JOjoSung9http://www.blogger.com/profile/00669504988650904449noreply@blogger.com